พอมาได้อักษรภาษาญี่ปุ่นเหล่านี้แล้ว คุณก็จะมีความรู้เท่าเด็กอนุบาลหนึ่ง
บทแรกๆกันแล้วนะครับ เรามาเริ่มดูบทต่อไปกันเลย มันคือการใช้ てんてんเทนเทน กับ まるมารุ ซึ่งจะทำให้เสียงภาษาญี่ปุ่นกลายเป็นเสียงสั่นครับวรรคที่ทำได้มีเพียงไม่กี่วรรคเองนั่นก็คือ
วรรค か さ た は ที่เติม てんてん และ まる ที่ได้วรรคเดียวคือ
วรรค は
が งะ, กะ
|
ぎ งิ, กิ
|
ぐ งุ, กุ
|
げ เงะ, เกะ
|
ご โงะ, โกะ
|
ざ ซะ
|
じ จิ*
|
ず ซึ**
|
ぜ เซะ
|
ぞ โซะ
|
だ ดะ
|
ぢ จิ*
|
づ ทซึ**
|
で เดะ
|
ど โดะ
|
ば บะ
|
び บิ
|
ぶ บึ
|
べ เบะ
|
ぼ โบะ
|
ぱ พะ
|
ぴ พิ
|
ぷ พึ
|
ぺ เพะ
|
ぽ โพะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ซึ่งคำพวกนี้ก็นำมาผสมได้ ต่อๆกัน เหมือนอย่างข้างบน
เราจะลองยกตัวอย่างให้ดูสักสองคำนะครับ
がくせい อ่านว่า กักคุเซ แปลว่า
นักเรียนนะครับ
ぞば อ่านว่า โซบะ แปลว่า เส้นโซบะ
อาหารนี่แหละครับ
ในส่วนของเสียงเทนเทน
กับ มารุนั้น เราจะมีวิธีออกเสียงเป็นเสียงแบบก้องในลำคอครับ
ซึ่งตอนเรียนนี่ยากพอดูเลยTTเนื่องจากการเรียนภาษายิ่งอายุมากลิ้นก็ยิ่งแข็งนะครับ
ทำให้ออกเสียงตัวอักษรยากไปสักนิดนึง แต่อย่าได้ท้อถอยครับ เราก็สามารถหัดกันได้
ตอนปองเรียน ปองก็ฟังจากหนังสือ อะกิโกะ โต๊ะโทะโมะดะจินี่แหละครับ
ในเล่มก็จะมีเทปให้ฝึกฟังเสียงของ ตัวละครต่างๆคุยกัน การทักทายหรือ
การพูดคุยกันในห้องเรียนซึ่งถือว่า ฟังยากกว่าที่คิดครับ
เพราะไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา
เล่นเอาต้องขยันเลือดทาตาแทบกระเด็นกว่าจะฟังออกหรืออ่านได้คล่อง
เพราะส่วนที่ยากของมันนั้น คือ การแยก ตัวอักษร ที่เสียงเหมือนๆกัน
รึการจำตัวอักษรที่หน้าตาคล้ายกันที่แหละ ครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับภาษาญี่ปุ่น แม้จะมีเสียงสูงต่ำเพียงแค่ 2 เสียง คือ เสียงสูง และเสียงต่ำ
แต่กลับเป็นภาษาที่ออกเสียงได้ยากยิ่งกว่า จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า
แม้จะมีชาวต่างชาติที่เรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่เกือบ 4 ล้านคนทั่วโลก
แต่คุณอาจจะไม่เคยพบกับชาวต่างชาติที่สามารถออกเสียงสูงต่ำในภาษาญี่ปุ่นได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์เลย
ความยากในการออกเสียงสูงต่ำในภาษาญี่ปุ่น
มีเหตุผลหลายประการ คือ
-
ไม่มีวรรณยุกต์หรือสัญลักษณ์แสดงการออกเสียง
จึงไม่ทราบว่าจะออกเสียงสูงหรือต่ำอย่างไร ต้องอาศัยวิธีท่องจำคำศัพท์ซึ่งมีเป็นแสนๆคำ
เพียงวิธีเดียวเท่านั้น
- การนำคำศัพท์ตั้งแต่ 2 คำ มารวมกันเป็นคำใหม่ อาจออกเสียงต่างไปจากเดิม
เช่น การออกเสียงคำว่า ko (เด็ก, ลูก) และ sakana (ปลา) ทีละคำ จะออกเสียงสูงต่ำ
แตกต่างกับคำว่า kozakana (ลูกปลา) จึงจำเป็นต้องท่องจำกันเพิ่มมากขึ้นอีก
- ภาษากลางและภาษาท้องถิ่น
ออกเสียงสูงต่ำต่างกัน
เช่น คำว่า ありがとう
(arigatou : ขอบคุณ) ของคนโตเกียว โอซากา และนาโงยา
จะออกเสียงสูงต่ำแตกต่างกันทั้ง 3 จังหวัด
ดังนั้น แม้จะได้ยินจากปากของคนญี่ปุ่นเองก็ตาม
ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า นั่นคือสำเนียงภาษากลางที่ถูกต้อง ที่ควรจดจำหรือไม่
- คำบางคำ เช่น คำช่วย
ไม่มีเสียงสูงต่ำเป็นของตนเอง แต่จะออกเสียงสูงต่ำ
ตามคำศัพท์ที่นำไปใช้ร่วมด้วย
ดังนั้น หากออกเสียงสูงต่ำของคำศัพท์ไม่ถูก
ก็จะออกเสียงสูงต่ำของคำช่วยผิดไปด้วย
- การออกเสียงสูงต่ำสลับที่กัน
อาจทำให้ความหมายเปลี่ยนไป และเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสาร
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ชาวต่างชาติที่ถึงแม้จะศึกษาและใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลานาน
หรือแม้กระทั่งชาวญี่ปุ่นที่เคยชินกับการใช้ภาษาท้องถิ่นมาตั้งแต่เด็ก จึงมักจะมีปัญหาการออกเสียงในสำเนียงภาษากลางอย่างถูกต้อง