ภูมิปัญญาจีน ยุคสมัยไม่ทำให้ความรู้เก่า
ภูมิปัญญาจีน ยุคสมัยไม่ทำให้ความรู้เก่า
อารยธรรมที่เก่าแก่ของโลกเกิดขึ้นในหลายๆแหล่งอารยธรรม ในเอเชียเองก็มีอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่เติบโตคู่ขนานส่งผลต่อวิถีชีวิตอิทธิพลของชนชาติชาวเอเชียนั้นมีอยู่ทั้งใน จีนและอินเดียที่ถือว่ายิ่งใหญ่และส่งผลต่อแนวคิดและความเป็นไปของภูมิภาคนี้ ดินแดนแหลมทองอย่างประเทศในแถบสุวรรณภูมิที่อยู่ระหว่างของสองแหล่งอารยธรรมจึงได้รับอิทธิพลจากสองอารยธรรมนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อพูดถึงประเทศจีนแล้วนอกจาก ความที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล จำนวนประชากรที่มีจำนวนมาก หากย้อนมองกลับไปในอดีตดินแดนแหล่งนี้เป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญเป็นแหล่งรวมของศิลปะวิทยาที่เคยรุ่งเรื่องมาก่อนในอดีต องค์ความรู้ต่างๆมากมายหลายสาขาที่เกิดจากจีน จนอาจจะกล่าวได้ว่า เทคโนโลยี หรือความรู้มากมายต่างเกิดจากผืนแผ่นแห่งนี้ชุกเสียยิ่งกว่าที่ใดในโลกเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ที่หลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกคิดถูกสร้างขึ้นมาจากชาวจีนได้ถูกพัฒนาเป็นองค์ความรู้ที่ต่อเนื่องยาวนาน จนมนุษย์เรายังคงใช้ประโยชน์จากมันมาจนถึงยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น กระดาษ การเดินเรือ ดินปืน และอื่นๆอีกมากมาย นี้ยังไม่รวมถึง วัฒนธรรมความเป็นอยู่วิถีชีวิต ที่มีความเป็นเอกลักษณ์
หากมองถึงจุดเริ่มต้นหรือแนวคิดของสิ่งประดิษฐ์ต่างๆอันเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ยุคนี้ต้องถือว่าไม่มีชนชาติใดเกินหน้าเกินตาชนชาติจีนไปได้
การแพทย์จีน
 |
http://thai.cri.cn/mmsource/images/2012/07/30/2b477ace5abc4e0d9a2ff2ba97114d39.jpg |
ถือเป็นศาสตร์อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์และประวัติอันยาวนานมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องของจีน เนื่องจากคนจีน แพทย์แผนโบราณของจีนกำเนิดขึ้นบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองของจีน หลังจากนั้นชาวจีนก็ทำการศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์อย่างจริงจังจนให้เกิดหมอจีน พร้อมตำรับตำราเกี่ยวกับทางการแพทย์เกิดขึ้นมากมาย มีการบันทึกความรู้ทางการแพทย์นอกจากในตำราแล้วยังมีการค้นพบบันทึกบนหลังเต่าเกี่ยวกับการแพทย์การรักษาโรคกว่า 10 ชนิดเลยทีเดียว ตำราเกี่ยวกับทางการแพทย์ของจีนที่มีอายุเก่าแกที่สุดคือตำรา “หวาง ติ้ เน่ย จิง” เป็นตำราทางการแพทย์ที่เก่าแกที่สุดของจีนที่ยังคงหลงเหลือตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ตำราเล่มนี้เขียนขึ้นในช่วงราชวงศ์ฉิน-ราชวงศ์ฮั่น ในสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้นวิทยาการทางการแพทย์ของจีนถือว่าก้าวหน้าและล้ำสมัยที่สุในโลกก็ว่าได้มีการคิดค้นยาสลบเพื่อใช้ในการผ่าตัด
จนกระทั่งในช่วงรัชสมัยของราชวงศ์ซ่ง ในราวปี ค.ศ. 960-1279 แพทย์แผนตะวันตกได้แพร่ขยายเข้าสู่จีน ทำให้เกิดการผสมผสานกันระหว่างแพทย์แผนจีนกับวิชาการแพทย์ตามแบบฉบับชาวตะวันตก
การฝังเข็ม
 |
http://www.vcharkarn.com/uploads/143/143277.jpg |
เป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งในทางการแพทย์ของจีน การฝังเข็มถือเป็นเอกลักษณ์และเป็นศาสตร์เฉพาะของจี ในช่วงเริ่มแรกของการรักษาด้วยการฝังเข็มนั้นวิธีการฝังเข็มเป็นเพียงวิธีการอย่างหนึ่งในการรักษาโรคของคนจีน จนต่อมาการฝังเข็มได้รับความนิยมจนแพร่หลายมากขึ้นจนกลายมาเป็นอีกสาขาหนึ่งในการรักษาของแพทย์แผนจีน สาขาวิชาฝังเข็มเป็นศาสตร์ที่รวบรวมเอาวิธีการฝังเข็ม เทคนิค และทฤษฎีพื้นฐานโดยอาศัยจุดต่างๆบนร่างกาย การฝังเข็มของจีนมีประวัติที่สืบทอดกันมายาวนานปรากฏหลักฐาน ในหนังสือทางการแพทย์โบราณของจีนที่กล่าวถึงเข็มที่ทำมาจากหิน โดยเข็มหินที่ใช้รักษาโรคชนิดนี้มีใช้กันในราว 4,0000-8,000 ปี ที่ผ่านมาแล้วในช่วงยุคหินใหม่
จนกระทั่งในช่วง 476-25 ปี ก่อนคริสตกาล เทคโนโลยีในการหลอมเหล็กพัฒนาก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก จนทำให้มีการพัฒนามาใช้เข็มที่สร้างจากโลหะเพื่อใช้รักษาโรคแทน ทำให้วิชาการแพทย์โดยการฝังเข็มได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี ค.ศ. 256-589 มีการเขียนตำราเกี่ยวกับการฝังเข็มออกมามากมาย และในสมัยนี้เองที่วิชาการฝังเข็มของจีนได้แผ่ขยายออกไปสู่ความรับรู้ของชนชาติอื่นอย่างเกาหลี และญี่ปุ่น จนกระทั่งในช่วง ศตวรรษที่ 16 การฝังเข็มก็ได้แพร่ความนิยมเข้าสู่แผ่นดินยุโรป การฝังเข็มนอกจากยังไม่ได้ถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาในทางกลับกันกลับเป็นที่นิยมสนใจค้นคว้าอย่างมากในปัจจุบัน นับเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่เกิดขึ้นในยุคสมัยที่มนุษย์ยังไม่ค่อยจะประสีประสากับเทคโนโลยีมากนักแต่ศาสตร์แขนงนี้ที่เกิดขึ้นภายใต้ดินแดนของอาณาจักรจีนโบราณ กลับรุ่งโรจน์ขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเพราะคุณประโยชน์ที่ซ่อมอยู่อย่างอเนกอนันต์นั้นเอง