10 อันดับเทรนด์ของโลกอนาคต
ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล ผู้นำธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ระดับโลก ได้เผยแพร่การศึกษาล่าสุดในหัวข้อ "Delivering Tomorrow - Customer Needs in 2020 and Beyond" ซึ่งนำเสนอผลการศึกษาความเห็นในหัวข้อต่างๆ เช่น โลกาภิวัตน์ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี โลจิสติกส์ สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติรวม 900 คน ประกอบด้วยซีอีโอจากบรรษัทลงทุนข้ามชาติชั้นนำ (MNCs) และนักวิชาการ

การศึกษาเผยให้เห็นถึงทิศทางจากปี 2563 เป็นต้นไป ถือเป็น 10 อันดับเทรนด์ของโลกในอนาคต โดยประเด็นหลักๆ ได้แก่ วิวัฒนาการสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงด้านความคาดหวังและพฤติกรรมของลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และการปรากฏตัวของจีนในฐานะผู้นำด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในระดับภูมิภาคที่น่าสนใจ ด้วยความเห็นที่ต่างกันในเรื่องต่างๆ โดยผู้ร่วมตอบคำถามทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
อันดับ 1 ภาวะโลกร้อนจะเป็นประเด็นร้อนที่ผลักดันให้สินค้าและบริการเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาพลังงานยั่งยืนถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้
นายแฟรงก์ แอพเพิล ประธานคณะกรรมการฝ่ายบริหาร ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่มวลมนุษยชาติต้องเผชิญ ผู้เข้าร่วมงานวิจัยคาดการณ์ว่า ในอนาคตการตัดสินใจซื้อสินค้าจะไม่ยึดแบรนด์ คุณภาพและราคา แต่คำนึงถึงผลกระทบของสินค้าและบริการที่มีต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

ผู้บริโภคยินดีจ่ายมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมผู้บริโภคจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างแน่วแน่ในด้านการปรับปรุงมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และผู้ให้บริการที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสภาพแวดล้อมกำลังพยายามขจัดจุดด้อยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
"หากวันนี้คุณอ่านฉลากบนขวดแยม คุณจะพบว่ามีปริมาณแคลอรีระบุอยู่บนขวด แต่ในปี 2563 บนฉลากจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมถึงปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตและการขนส่งสินค้า" นายแอพเพิลกล่าว
2.ความแตกต่างทางชนชั้นทางเศรษฐกิจจะเพิ่มสูงขึ้น และความขัดแย้งทางสังคมมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นการใช้งบประมาณด้านความมั่นคงและความปลอดภัยจะสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
3.จีนจะผงาดเป็นผู้นำด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกด้านเทคโนโลยี
อันดับ 4 อินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนความคาดหวังและพฤติกรรมของลูกค้าทั่วโลก ซึ่งประเด็นหลักมุ่งเน้นไปยังลักษณะความเป็นปัจเจกบุคคล ความโปร่งใส ความสามารถที่ใช้งานได้ตลอดเวลา และความรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม แม้การทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ทุกที่ ทุกเวลา ของลูกค้าในปี 2563 อาจคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม แต่ลูกค้ายังคงมีความต้องการสินค้าและบริการที่ขนส่งได้อย่างรวดเร็วที่สุด ดังนั้น ผู้บริโภคต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่มีความละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้นจากซัพพลายเออร์ สิ่งนี้เองจะทำให้อินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญมากขึ้น
ในปี 2563 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ประชากรจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่เกิดใหม่ จะทำกิจกรรมออนไลน์เกือบตลอดเวลา และประชากรสามพันล้านคนจะดำเนินธุรกิจบนเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวงการธุรกิจเท่านั้น แต่ขยายตัวไปยังทุกๆ สาขาอาชีพ นอกจากนี้ ความต้องการบริการที่มีความคล่องตัวและสามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลาจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
เทรนด์อันดับ 5 การบริโภคอย่างมีจิตสำนึกและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดพฤติกรรมการใช้จ่าย
6.ความสะดวกสบายและความเรียบง่าย จะเป็นความต้องการหลักของผู้บริโภค
7.การสื่อสารระหว่างบุคคลต่อบุคคลยังคงทรงอานุภาพอยู่
8.อุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางและสร้างแบบแผนใหม่ๆ เพื่อความร่วมมือระหว่างองค์กรและธุรกิจสีเขียว
9.การจ้างบริษัทอื่นผลิตสินค้าแทนการผลิตเองจะก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ และห่วงโซ่มูลค่าจะขยายตัวไปในทุกทิศทางสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์
10.ผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะพัฒนาเป็นผู้ให้คำปรึกษา โดยบริการเสริมต่างๆ จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่การบริการ
สำหรับการศึกษาและวิจัยชิ้นนี้จัดทำขึ้นระหว่างเดือน มิ.ย.2551-ม.ค.2552 โดยผู้เข้าร่วมงานวิจัยเสนอความคิดเห็นอย่างละเอียดในแบบสอบถามเกี่ยวกับทฤษฎีแห่งอนาคต 81 บทที่ได้รับการริเริ่มขึ้นมาและใช้วิธี Delphi ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันมาตั้งแต่ช่วงปี 2493 และเป็นกระบวนการวิเคราะห์ที่มีหลายขั้นตอน ผู้เชี่ยวชาญจะให้ความเห็นเกี่ยวกับทฤษฎีที่หลากหลาย สามารถคาดคะเนอนาคตแม่นยำและสอดคล้องมากขึ้นกว่าผลที่ได้จากการทำแบบสอบถามทั่วไป
ถึงเวลาจับตา โลกร้อน อินเทอร์เน็ตและโลจิสติกส์ คำตอบของโลกอนาคตกันเสียแล้ว
ขอบคุณที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์