Featured post

เรียนภาษาไทย-ติวO-NETสังคม : คำวิจารณ์ที่ต้องยอมรับ

คำวิจารณ์ที่ต้องยอมรับ



          ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่พวกเขาจะรู้ตัวและยอมรับว่าตัวเองเคยล้มเหลวมาก่อน รวมทั้งต้องเอาชนะอุปสรรคที่ว่าและผ่านมันมาให้ได้ โดยเฉพาะการเอาชนะคำวิพากษ์วิจารณ์จากหลายกลุ่มหลายคนทั้งที่รู้จักและไม่เคยรู้จักมาก่อน (คุณก็รู้ดีว่าเรื่องเสียๆ หายๆ ในประเทศนี้จะถูกบอกต่อกันไปรวดเร็วแค่ไหน) 

         ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ (กลุ่มเดิม) ยอมรับว่าการอยู่รวมกับคำวิจารณ์อย่างมีความสุขมีความสำคัญเทียบเท่ากับการประสบความสำเร็จในอนาคต พวกเขาจึงต้องปรับตัวยอมรับสารพัดคำวิจารณ์และเรียนรู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นอย่างไร ซึ่งต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจคำวิจารณ์ 2 ประเภทที่ส่งผลกระทบและมีอิทธิพลกับคุณโดยตรง
แก้ไขอ่านเขียนไทยไม่ออก เรียนพิเศษภาษาไทย เรียนอ่านเขียนไทยประถม เรียนพิเศษส่วนตัวภาษาไทย หาที่เรียนภาษาไทย ครูสอนพิเศษภาษาไทย หาครูสอนภาษาไทย  สอนอ่านภาษาไทย  สอนภาษาไทยเด็ก  สอนภาษาไทย  สอนพิเศษภาษาไทย  เรียนอ่านภาษาไทย  เรียนพิเศษสังคม  เรียนพิเศษภาษาไทย  เรียนพิเศษ ไทย สังคม   รับสอนพิเศษภาษาไทย  ติวภาษาไทย  ครูสอนภาษาไทย  ครูสอนพิเศษภาษาไทย ติวโอเน็ตสังคม ครูเดช O-NETสังคม  ติวO-NETสังคมฟรี หาวิทยากรติวโอเน็ต

         ทำความเข้าใจ 2 ประเภทคำวิจารณ์ 
         ประเภทคำวิพากษ์วิจารณ์มีหลากหลายครับ แต่ส่วนใหญ่จะมาใน 2 รูปแบบด้วยกัน คือ ในเชิงทำลาย (ล้าง) และเชิงสร้างสรรค์ อย่างไรก็ตามคุณจำเป็นจะต้องจัดการกับคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองประเภทด้วยความระมัดระวัง และปฏิบัติกับมันด้วยวิธีการที่แตกต่างออกไป 

         เชิงทำลาย : คนทั่วไปมักจะมองภาพของการวิพากษ์วิจารณ์ผิดเพี้ยนและมักจะมีอคติว่าทุกว่าทุกคำวิพากษ์จะต้องส่งผลในทางลบต่อสภาพจิตใจ โดยเฉพาะปัญหาของคนทำงานที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ยุติธรรมจนสูญเสียความมั่นใจเฉพาะบุคคลเสียสมดุล ทำให้เขาดูด้อยค่าและมีประสิทธิภาพลดน้อยลงในการทำงาน

         ตัวอย่างที่ดีสำหรับคำวิจารณ์ในลักษณะนี้ไม่ต่างอะไรไปจากการที่หัวหน้าบอกกับคุณว่า “คุณทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ลงไปได้ยังไง คุณกำลังคิดอะไรอยู่” ไปจนถึงขั้น “ไม่รู้ทำไมผมถึงตัดสินใจเซ็นอนุมัติจ้างคุณเข้ามาทำงานตำแหน่งสำคัญในบริษัทของเราได้” ถ้าต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ คงยากทีเดียวที่คนมีอีโก้ (Ego) จัดอย่างคุณจะทนไหว ในเวลานั้นคุณอาจได้รับคำปลอบใจที่คุ้นเคยอย่าง “ลองมองในมุมกลับกันสิ เขาอาจกระตุ้นให้เราลุกขึ้นมาแก้ปัญหาที่ผ่านมาก็ได้” แต่อย่าลืมว่าสำหรับบางคนแล้ว ไม่ใช่! และสุดท้ายก็จบลงด้วยการออกจากงานและทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลังต้องสะสางกันต่อซ้ำแล้วซ้ำอีก

        เชิงสร้างสรรค์: หลังจากเผชิญหน้ากับคำวิจารณ์ในด้านติดลบ ที่ใช้อารมณ์ ไร้เหตุผล และไม่ชี้แนะทางออกให้แล้วต่อไปลองมาพิจารณาคำวิจารณ์ที่ส่งผลในด้านบวกกันบ้าง ตัวอย่างที่ชัดเจนก็หนีไม่พ้นตัวอย่างเดิมนี่แหล่ะครับ แทนที่จะพูดว่า “คุณทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ลงไปได้ยังไง คุณกำลังคิดอะไรอยู่” หรือ “ไม่รู้ทำไมผมถึงตัดสินใจเซ็นอนุมัติจ้างคุณเข้ามาทำงานตำแหน่งสำคัญในบริษัทของเราได้” เจ้านายที่น่านับถือควรจะมีวิธีการวิจารณ์แบบประนีประนอมพร้อมข้อเสนอแนะว่า “ขอบคุณสำหรับรายงานของคุณนะ ผมเห็นความพยายามของคุณที่ทุ่มเทให้กับงานแต่ผมยังหวังว่าคุณน่าจะทำมันได้ดีกว่านี้อีกหน่อย เนื้อหายังแข็งไป หรือไม่คุณก็น่าจะเพิ่มกราฟ สร้างความน่าเชื่อถือเข้าไป” นี่คือตัวอย่างคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ที่จะทำให้หลายคนมีกำลังใจทำงานต่อไป เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการทำงานเป็นทีมและการแก้ปัญหาร่วมกัน

         เปลี่ยนลบเป็นบวก คุณเป็นคนเลือก 
         ถึงแม้ว่าทัศนคติจะเปลี่ยนยากอย่างที่หลายคนรู้ แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปที่จะพลิกสถานการณ์โดยนำการวิพากษ์วิจารณ์เชิงทำลายมาแปลงสภาพให้กลายเป็นเชิงสร้างสรรค์ ถ้าที่ผ่านมาคุณต้องเจอกับสถานการณ์และคำวิจารณ์ลบๆ ทั้งจากเจ้านาย ทั้งจากคนรอบตัวรวมทั้งคนที่ไม่รู้จัก ลองทำตามขั้นตอนข้างล่างนี้ดู 

         ขั้นตอนแรก คุณต้องกลับไปทำความเข้าใจกับสถานการณ์เหล่านั้นว่ามันเป็นความจริงหรือพวกเขามองคุณผิดไป (ถ้าจริงก็ก้มหน้ายอมรับเสียโดยดี แล้วไปต่อที่ขั้นตอนที่ 

         2) ขั้นตอนที่สอง ถาม “นักวิจารณ์” ของคุณตรงๆ ว่าพวกเขาไม่พอใจงานในส่วนไหนและเพราะอะไร แล้วลองถามหาข้อเสนอแนะจากพวกเขาดูว่า ถ้าเป็นกรณีของตัวเอง พวกเขาจะแก้มันให้ดีขึ้นยังไง ถ้าพวกเขาเพียงแต่ซ้ำเติมและไม่สามารถช่วยคุณได้จงลืมๆ คำวิจารณ์เหล่านั้นซะและบอกกับตัวเองว่า คุณได้ทำดีที่สุดแล้ว (เพราะบางคนก็แค่อยากหาเรื่องและซ้ำเติมคนอื่นก็เท่านั้น) 

         ขั้นตอนที่สาม ไหนๆ ปัญหาก็เกิดขึ้นและคุณก็ได้รับคำวิจารณ์ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องฮึดสู้และแสดงให้เห็นว่าคุณก็มีวิธีของคุณเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน หลังจากนั้นก็จัดการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าคุณมีวิธีการเจ๋งๆ ที่จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างแนบเนียนอย่างไร 

         ก่อนจะมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่เปรียบได้กับการประเมินว่าคุณได้แก้ปัญหาตรงจุดแค่ไหน แล้วตามด้วยการเช็กเรตติ้งเล็กๆ ว่า “ใครๆ” ในที่ทำงานเลิกมองคุณในทางเสียๆ หายๆ แล้วหรือยัง 

         เพียงแค่ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนได้          เพราะสุดท้ายคุณก็จะอยากขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นประโยชน์เหล่านั้นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขสถานการณ์ และกู้ภาพลักษณ์ดีๆ ที่เสียไปให้กับคืนมา
โดย : osmond


ขอบคุณที่มา : นิตยสาร GM

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี

กทม. 6 โซน : เพื่อวางแผนเส้นทางการสอนสำหรับติวเตอร์

แจกฟรีแบบฝึกหัดภาษาไทยมานะมานี ป.1