ดรุณศึกษายังจำเป็นสำหรับนักเรียนยุคใหม่อีกหรือไม่
? 2
มาในตอนที่
2 นี้
ผมจะลงรายละเอียดการแก้ไขปัญหาการอ่านเขียนไทยไม่คล่องของนักเรียนในยุคปัจจุบันกันครับ
แต่ผมต้องเรียนก่อนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นท่านต้องพิจารณาก่อนนะครับ
เพราะอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ทุกรณีไปครับ ผมคงทำได้เพียงการแนะนำเพียงเท่านั้นครับ
ในเล่มดรุณศึกษาเล่มเตรียมประถม
เนื้อหาตลอดทั้งเล่ม ท่านผู้แต่งตำราเรียนนี้
ได้รจนาบทอ่านที่เป็นไปตามลักษณะของเด็กอย่างแท้จริง ทำไมผมจึงกล่าวเช่นนี้ ?
ตามธรรมชาติการเรียนรู้ภาษาของเด็ก
เด็กจะเริ่มต้นจากการฟัง นำไปสู่การพูด และจึงเริ่มกระบวนการทางภาษาในขั้นการอ่านและเขียน
ใช่แล้วครับ มนุษย์เริ่มต้นการอ่านก่อน อ่าน จำ และนำไปสู่การเขียน
ถ้าเราเริ่มต้นจากเขียนเราจะไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษา
และการที่มีผู้เข้าใจผิดว่าการจำ การท่องจำไม่มีความจำเป็น
ผมในฐานะครูที่คลุกคลีกับเด็กหลายช่วงวัย ที่ทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาการอ่านเขียนไทยไม่คล่องนั้น
ขอเรียนว่า การท่องจำ การจำ ยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะในเด็กวัยเริ่มเรียน
มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
เมื่อเด็กเริ่มจำพยัญชนะได้
เด็กจะเริ่มสนใจและจะได้รับทราบว่าการอ่านออกเสียงให้ถูกต้องอย่างไร
ครูผู้สอนก็นำเด็กเข้าไปสู่การจำในอีกทักษะหนึ่งคือ การจำสระ เป็นที่น่าตกใจมาก
ที่เห็นบางท่านเริ่มต้นการจำสระให้เด็กวัยเริ่มเรียนด้วยการสอนให้จำแบบเรียงสระตามที่เราเข้าใจกัน ตามธรรมชาติอีกประการมนุษย์จะเริ่มจำ เลียนคำจากพยัญชนะและฐานกร(ตำแหน่งการออกเสียง)
ฐานปาก หรือริมฝีปากก่อนอื่นใด ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า คำว่าพ่อแม่ ในหลาย ๆ
ภาษา มักเป็นคำที่มีฐานออกเสียงที่ริมฝีปาก
พ่อ –เพอ แม่ –เมอ
ป๋า –เปอ ม่า –เมอ
และอีกสิ่งหนึ่งคือ
เรามักจะออกเสียงยาวได้ก่อนเสียงสั้น ท่าน
ฟ. ฮีแลร์ ท่านเป็นอริยะทางภาษาไทยเป็นอย่างยิ่งครับ
เพราะตำราดรุณศึกษานี้ท่านได้แต่งโดยใช้กระบวนการทางธรรมชาติของเด็ก
คือเริ่มต้นจากสระเสียงยาว ไปตามลำดับขั้น ผิดและแตกต่างจากตำราสมัยปัจจุบันที่ใช้กระบวนการวิธีที่แปลกประหลาด
นำไปสู่ปัญหาการอ่านเขียนไทยไม่คล่องและที่หนักสุดคือ อ่านไม่ออกเลย
ในบทที่
1 ของตำราดรุณศึกษา เล่ม เตรียมประถม ท่าน ฟ. ฮีแลร์
ท่านได้แต่งตำราโดยให้สระในกลุ่มแรกที่ท่านสอนแบ่งเป็นดังนี้ครับ
สระ อา อี อือ อู นี้คือสระในกลุ่มแรกที่ท่านสอนให้นักเรียนอ่าน
เนื่องจากดรุณศึกษา ไม่ใช้หนังสือที่อ่านแบบประสมกับพยัญชนะทั้ง 44 ตัว แต่ท่านได้แยกพยัญชนะออกเป็น 3 กลุ่มตามเสียงที่เปล่งออกมา หรือที่ท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า การแยกพยัญชนะตามเสียง
คือ อักษรกลาง อักษรสูง และ อักษรต่ำ
ท่าน
ฟ. ฮีแลร์ ท่านแยกให้นักเรียนอ่านโดยให้ใช้พยัญชนะกลุ่มอักษรกลางประสมกับสระทั้ง 4 นี้ก่อน เป็นธรรมดาที่เด็กจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
หากนักเรียนได้จำพยัญชนะไว้ในสมองและสระบางกลุ่มไว้แล้ว คำถามต่อมาสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกเล็ก
ๆ วัยเตรียมอนุบาล หรือ อนุบาล ที่อยากให้ลูกมีทักษะภาษาไทยที่ดี ถามกันมาก คือ
แม้ว่าลูกจะจำพยัญชนะได้แล้ว สระได้แล้ว แต่พอพยัญชนะกับสระมาประสมกัน
เด็กก็อ่านไม่ออก ออกเสียงไม่ได้ คำตอบที่ผมจะเรียนนั้นก็แสนจะง่ายครับ
เมื่อเขาอ่านไม่ออก
ก็บอกให้เค้าพูดตามครับ พูดเหมือนกวนโมโหท่านผู้อ่าน แต่ผมเรียนตามความจริงครับ
เพราะเด็กวัยนี้ออกเสียงประสมคำเองไม่เป็น เราต้องช่วยเขาก่อนครับ ช่วยไปทีละน้อย
ตามธรรมชาติของเด็ก จะมีสมองที่พัฒนาเพื่อการเรียนรู้อยู่แล้ว ไม่ยากเลยครับที่พวกเขาจะจดจำและเรียนรู้
เมื่อเขาสามารถจำได้ว่า ก บวก สระอา อ่านว่า กา เมื่อเจอคำว่า ป บวก สระอา
เด็กจะเริ่มการผันเสียงเองได้ตามอัตโนมัติ
ในบทต่อไป
ผมจะมาตอบคำถามที่ผมคิดว่าพ่อแม่ผู้ปกครองอยากทราบกันมาก คือ แล้วการฝึกคัดลายมือ
ต้องให้เด็กคัดเพียงอย่างเดียวก่อนใช่ไหม
เมื่อคัดคล่องแล้วจึงนำตำราดรุณศึกษามาใช้สอน คำตอบอยู่ในบทที่ 3 รวมถึงคำแนะนำวิธีการต่าง ๆ
ครับในการใช้ตำราดรุณศึกษา เล่มเตรียมประถม