Featured post
เรียนภาษาไทย-ติวO-NETสังคม : การประเมินจากภายนอกสถานศึกษาจำเป็นหรือไม่?
- รับลิงก์
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การประเมินจากภายนอกสถานศึกษาจำเป็นหรือไม่?
ดร.รัชศักดิ์ แก้วมาลา
ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องได้รับการประเมินจากหน่วยงานภายนอกทุก ๕ ปี จึงทำให้เกิด สำนักงานประเมินและรับรองมาตรฐานการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ขึ้น โดยทำการประเมินรอบที่ ๑ รอบที่ ๒ และรอบที่ ๓ ผ่านไปเกือบทุกสถานศึกษาแล้ว
ทั้งนี้ โดยใช้มาตรฐานและตัวชี้วัดเป็นเกณฑ์การประเมิน มีระเบียบวิธีการประเมินจากสถานที่จริงโดยใช้นักประเมินที่ได้รับการอบรม และมีประสบการณ์ด้านการศึกษามาเป็นอย่างดี จุดมุ่งหมายสูงสุดในการประเมินแต่ครั้งอยู่ที่การนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
กว่าทศวรรษที่ผ่านมา วัฒนธรรมการประเมินจากหน่วยงานภายนอกได้ซึมซับลงสู่สถานศึกษาไม่น้อย เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของแต่ละสถานศึกษา
ผู้เรียนได้รับการเอาใจใส่ดูแลให้ได้รับรางวัลระดับต่างๆ มากขึ้น ครูกระตือรือร้นปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน แสวงหาความรู้และประสบการณ์ทางวิชาชีพมากขึ้น โรงเรียนมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและสาระสำคัญในการทำงาน
ทั้งหมดนี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เป็นผลมาจากการประเมินจาก สมศ.
แต่สิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนวัฒนธรรมการประเมินของ สมศ. คือคุณภาพของผู้เรียน หรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน บทบาทของ สมศ. ไม่สามารถกระตุ้นสถานศึกษาให้พัฒนาผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายตามหลักสูตร
เพราะครูเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำตามมาตรฐานข้ออื่นๆ จำนวน ๑๑ ข้อมากเกินไป ส่วนอีก ๑ ข้อ คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจึงปล่อยปละละเลย (มาตรฐานทั้งหมดมี ๑๒ ข้อ)
ถามว่า หัวใจสำคัญของการจัดการศึกษาอยู่ที่ใด เหตุผลหลักในการจัดตั้งโรงเรียนหรือสถานศึกษาเพื่อใคร และผู้ปกครองฝากลูกหลานไว้กับสถานศึกษาด้วยความหวังสูงสุดในเรื่องใด ในแต่ละวันที่ผู้เรียนใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนนั้น เขาได้อะไรบ้าง
๑ ปี เขามาเรียน ๒๐๐ วัน ไม่เคยขาดเรียน มาโรงเรียนแต่เช้า ๗ โมงเช้า ๔ หรือ ๕ โมงเย็นค่อยกลับบ้าน บางรายต้องเรียนพิเศษตามความต้องการของพ่อแม่อีก จนถึง ๒ ทุ่ม ความเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียนเหล่านี้ สมศ. มองเห็นเป็นอะไร ตีค่าผู้เรียนอย่างไร
ในเมื่อคุณภาพผู้เรียน มิได้เป็นผลโดยตรงมาจากการประเมินของ สมศ. จึงเกิดกระแสการต่อต้านการประเมินอย่างต่อเนื่องยาวนาน
แม้ในใจจะรู้สึกต่อต้าน แต่ครูและบุคลากรในสถานศึกษาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเป็นกฎหมายที่บรรดานักการเมืองเห็นชอบแล้วในสภาผู้แทนราษฎรตามกระบวนการประชาธิปไตย (นักการเมืองคาดหวังอะไรจากกฎหมายฉบับนี้)
ณ วันนี้ มีความเคลื่อนไหวในทำนองว่า จะเปลี่ยนวิธีการประเมิน เปลี่ยนมาตรฐานและตัวชี้วัดในการประเมิน จึงถามว่า ทำไปทำไม มีความจำเป็นแค่ไหน ทำเพื่ออะไร เด็กนักเรียนจะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไรบ้าง
ในเมื่อหัวใจของการจัดการศึกษาอยู่ที่ผู้เรียน การจะดูแลบำรุงรักษาหัวใจให้แข็งแรง สามารถเป็นกำลังสำคัญของสังคมและประเทศชาติได้ จำเป็นต้องได้รับอาหารสมองที่ดีโดยผู้ปรุงอาหารที่เหมาะสม ก็ปรากฏชัดแล้วว่า ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา สมศ. เป็นผู้ประกอบอาหารที่ใช้ไม่ได้ แล้วจำเป็นต้องมีการประเมินรอบที่ ๔ ไปทำไม
ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องได้รับการประเมินจากหน่วยงานภายนอกทุก ๕ ปี จึงทำให้เกิด สำนักงานประเมินและรับรองมาตรฐานการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ขึ้น โดยทำการประเมินรอบที่ ๑ รอบที่ ๒ และรอบที่ ๓ ผ่านไปเกือบทุกสถานศึกษาแล้ว
ทั้งนี้ โดยใช้มาตรฐานและตัวชี้วัดเป็นเกณฑ์การประเมิน มีระเบียบวิธีการประเมินจากสถานที่จริงโดยใช้นักประเมินที่ได้รับการอบรม และมีประสบการณ์ด้านการศึกษามาเป็นอย่างดี จุดมุ่งหมายสูงสุดในการประเมินแต่ครั้งอยู่ที่การนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
กว่าทศวรรษที่ผ่านมา วัฒนธรรมการประเมินจากหน่วยงานภายนอกได้ซึมซับลงสู่สถานศึกษาไม่น้อย เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของแต่ละสถานศึกษา
ผู้เรียนได้รับการเอาใจใส่ดูแลให้ได้รับรางวัลระดับต่างๆ มากขึ้น ครูกระตือรือร้นปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน แสวงหาความรู้และประสบการณ์ทางวิชาชีพมากขึ้น โรงเรียนมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและสาระสำคัญในการทำงาน
ทั้งหมดนี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เป็นผลมาจากการประเมินจาก สมศ.
แต่สิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนวัฒนธรรมการประเมินของ สมศ. คือคุณภาพของผู้เรียน หรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน บทบาทของ สมศ. ไม่สามารถกระตุ้นสถานศึกษาให้พัฒนาผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายตามหลักสูตร
เพราะครูเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำตามมาตรฐานข้ออื่นๆ จำนวน ๑๑ ข้อมากเกินไป ส่วนอีก ๑ ข้อ คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจึงปล่อยปละละเลย (มาตรฐานทั้งหมดมี ๑๒ ข้อ)
ถามว่า หัวใจสำคัญของการจัดการศึกษาอยู่ที่ใด เหตุผลหลักในการจัดตั้งโรงเรียนหรือสถานศึกษาเพื่อใคร และผู้ปกครองฝากลูกหลานไว้กับสถานศึกษาด้วยความหวังสูงสุดในเรื่องใด ในแต่ละวันที่ผู้เรียนใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนนั้น เขาได้อะไรบ้าง
๑ ปี เขามาเรียน ๒๐๐ วัน ไม่เคยขาดเรียน มาโรงเรียนแต่เช้า ๗ โมงเช้า ๔ หรือ ๕ โมงเย็นค่อยกลับบ้าน บางรายต้องเรียนพิเศษตามความต้องการของพ่อแม่อีก จนถึง ๒ ทุ่ม ความเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียนเหล่านี้ สมศ. มองเห็นเป็นอะไร ตีค่าผู้เรียนอย่างไร
ในเมื่อคุณภาพผู้เรียน มิได้เป็นผลโดยตรงมาจากการประเมินของ สมศ. จึงเกิดกระแสการต่อต้านการประเมินอย่างต่อเนื่องยาวนาน
แม้ในใจจะรู้สึกต่อต้าน แต่ครูและบุคลากรในสถานศึกษาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเป็นกฎหมายที่บรรดานักการเมืองเห็นชอบแล้วในสภาผู้แทนราษฎรตามกระบวนการประชาธิปไตย (นักการเมืองคาดหวังอะไรจากกฎหมายฉบับนี้)
ณ วันนี้ มีความเคลื่อนไหวในทำนองว่า จะเปลี่ยนวิธีการประเมิน เปลี่ยนมาตรฐานและตัวชี้วัดในการประเมิน จึงถามว่า ทำไปทำไม มีความจำเป็นแค่ไหน ทำเพื่ออะไร เด็กนักเรียนจะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไรบ้าง
ในเมื่อหัวใจของการจัดการศึกษาอยู่ที่ผู้เรียน การจะดูแลบำรุงรักษาหัวใจให้แข็งแรง สามารถเป็นกำลังสำคัญของสังคมและประเทศชาติได้ จำเป็นต้องได้รับอาหารสมองที่ดีโดยผู้ปรุงอาหารที่เหมาะสม ก็ปรากฏชัดแล้วว่า ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา สมศ. เป็นผู้ประกอบอาหารที่ใช้ไม่ได้ แล้วจำเป็นต้องมีการประเมินรอบที่ ๔ ไปทำไม
ที่มา: หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ วันที่ 5 - 11 มิ.ย. 2558
- รับลิงก์
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้
ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี
ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี สวัสดีครับทุกท่าน ปัญหาการอ่านเขียนไม่คล่องของเด็กและเยาวชนของเรานับวันยิ่งมีปัญหาทวีความรุนแรงขึ้น เรื่อย ๆ จนน่ากลัว การแก้ไขปัญหาภาษาไทยนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ของหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการศึกษาเสียแล้วครับ เมื่อหลายท่าน ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ มีความเห็นตรงกันว่า จะปล่อยปะละเลยต่อปัญหานี้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี วันนี้ ครูเดชจึงได้นำไฟล์ตำราเรียน ที่แสนจะวิเศษ และผมเองกล้าการันตรีว่า หากนักเรียน หรือ ผู้ที่มีปัญหาภาษาไทย ได้ตั้งใจอ่าน ตั้งใจทำความเข้าใจ จะสามารถพัฒนาภาษาไทยไปได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ "มานะ มานี" นอกจากจะเป็นตำราภาษาไทย ที่คนที่มีอายุหลายท่านได้สัมผัสเรียนรู้ในวิชาภาษาไทยมาแล้ว ท่านจะทราบว่าตำราเรียนเล่มนี้ ไม่ได้มีแต่ความรู้ภาษาไทย อย่างเดียวไม่ หากแต่มีความน่าสนุก น่าสนใจ และความตื้นเต้น กลวิธีนี้เองล่ะครับ ที่ผมเห็นว่า เป็นอุบายล่อให้เด็กสนใจตำราเรียนได้เป็นอย่างดี ความสนุก ความเพลิดเพลิน เมื่อนักเรียนอ่านจบเล่ม ตัวละครก็จบชั้นเดียวกัน เมื่อเลื่อนชั้น นักเรี
แจกฟรีแบบฝึกหัดภาษาไทยมานะมานี ป.1
แจกฟรี แบบฝึกหัดภาษาไทยใช่ควบคู่กับตำรามานะมานี ป. 1 คลิกที่ลิงก์เพื่อดาวน์โหลดครับ แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 1-5 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 6-10 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 11-15 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 16-20 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 21-25 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 26-30 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 31-35 อยู่ในขณะจัดทำ แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 36-40 อยู่ในขณะจัดทำ เรียนออนไลน์ เรียนภาษาไทยออนไลน์ เรียนอ่านเขียนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนภาษาไทยที่ออสเตรเลีย หาครูสอนภาษาไทยที่ญี่ปุ่น หาครูสอนภาษาไทยที่เวียดนาม หาครูสอนภาษาไทยที่อเมริกา หาครูสอนภาษาไทยที่เยอรมัน หาครูสอนภาษาไทยที่ฝรั่งเศส Learn Thai with native speakers. หาครูสอนภาษาไทยอ่านเขียน สอนอ่านหนังสือภาษาไทย สอนอ่านเขียน ลูกอ่านภาษาไทยไม่ออก หาครูแก้ไขภาษาไทย สถาบันสอนภาษาไทย โรงเรียนสอนภาษาไทย หาครูสอนภาษาไทยนานาชาติ หาครูสอนภาษาไทยลูกครึ่ง หาครูสอนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนพิเศษ ห
กทม. 6 โซน : เพื่อวางแผนเส้นทางการสอนสำหรับติวเตอร์
ให้ติวเตอร์ใช้เขตพื้นที่เหล่านี้ เพื่อระบุพื้นที่ที่ท่านสามารถเดินทางไปสอนได้สะดวกครับ ศูนย์จะแจ้งงานให้ท่านทราบตามพื้นที่การเดินทางที่ท่านสะดวกครับ โปรดแจ้งตามความสะดวกจริง เพื่อความรวดเร็วในการรับงานสอนนะครับ 1.กลุ่มกรุงเทพกลาง ประกอบด้วย เขตพระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดินแดง ห้วยขวาง พญาไท ราชเทวี และวังทองหลาง 2.กลุ่มกรุงเทพใต้ ประกอบด้วย เขตปทุมวัน บางรัก สาทร บางคอแหลม ยานนาวา คลองเตย วัฒนา พระโขนง สวนหลวง และบางนา 3. กลุ่มกรุงเทพเหนือ ประกอบด้วย เขตจตุจักร บางซื่อ ลาดพร้าว หลักสี่ ดอนเมือง สายไหม และบางเขน 4.กลุ่มกรุงเทพตะวันออก ประกอบด้วย เขตบางกะปิ สะพานสูง บึงกุ่ม คันนายาว ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก คลองสามวาและประเวศ 5.กลุ่มกรุงธนเหนือ ประกอบด้วย เขตธนบุรี คลองสาน จอมทอง บางกอกใหญ่ บางกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชันและทวีวัฒนา 6.กลุ่มกรุงธนใต้ ประกอบด้วย เขตภาษีเจริญ บางแค หนองแขม บางขุนเทียน บางบอน ราษฎร์บูรณะและทุ่งครุ เรียนออนไลน์ เรียนภาษาไทยออนไลน์ เรียนอ่านเขียนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนภาษาไทยท