Featured post

เรียนภาษาไทย-ติวO-NETสังคม : วรรณคดีมรดก

วรรณคดีมรดก


จำนวนมากที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษมาจนถึงคนไทยในปัจจุบัน คนไทยทุกสมัยเห็นความสำคัญของวรรณคดีไทย จึงช่วยกันรักษาวรรณคดีไว้ด้วยความหวงแหน เพื่อให้เป็นวรรณคดีประจำชาติ มีความยั่งยืน และอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป

          วรรณคดีมรดก เป็นคำที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดขึ้น เพื่อให้เป็นรายวิชาท ๐๓๓   ตามหลักสูตรภาษาไทย   พ.ศ. ๒๕๒๔  หมายถึง "วรรณคดีที่ได้รับการยกย่องกันมาหลายชั่วอายุคนในด้านวรรณศิลป์กับในด้านที่แสดงค่านิยมและความเชื่อในสมัยของบรรพบุรุษ  ส่งเสริมให้เปรียบเทียบชีวิตมนุษย์ในสมัยของบรรพบุรุษกับชีวิตในปัจจุบัน"          ก่อนที่จะกล่าวถึงวรรณคดีมรดกเรื่องต่างๆ   ต้องกล่าวถึงความหมายของ วรรณกรรม และวรรณคดี เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน   ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน   พ.ศ. ๒๕๒๕ ดังนี้

          คำว่า "วรรณกรรม" มีความหมายสองประการคือ  ประการแรกหมายถึง งานหนังสือ ประการที่สองหมายถึง งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด ไม่ว่าแสดงออกมาโดยวิธีหรือในรูปอย่างใด  เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถาเทศนา  คำปราศรัย สุนทรพจน์ สิ่งบันทึกเสียง ภาพ

          คำว่า " วรรณคดี" หมายถึง หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี

          ในที่นี้จะไม่นำความหมายเชิงวิชาการวรรณคดีสากลมาใช้ เพราะมีความเหลื่อมล้ำกับความหมายตามพจนานุกรรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ส่วนคุณสมบัติของวรรณคดีนั้น ทั้งไทยและสากลจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน สรุปได้ดังนี้
          ๑. มีเนื้อหาและรูปแบบที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นนิทาน นิยาย บทละคร นวนิยาย ฯลฯ
          ๒. มีศิลปะการใช้ภาษาอย่างประณีต
          ๓. แสดงความนึกคิดที่เฉียบแหลมของผู้แต่ง สอดแทรกประสบการณ์ชีวิต และให้ความรู้ในเรื่องสามัญของคนที่ได้รับการศึกษา
         ๔. แสดงพัฒนาการทางอารมณ์ของผู้แต่งอย่างสูง ทั้งด้านความรัก ความทุกข์ ความสุข  ความผิดหวัง ฯลฯ
         ๕. มีคุณค่าทางประวัติวรรณคดี แสดงให้เห็นการแปรเปลี่ยนตามกาลสมัยของการแต่งวรรณกรรม
         ๖. มีคุณค่าทางประวัติภาษา แสดงให้เห็นการแปรเปลี่ยนตามกาลสมัยของภาษาและการใช้ภาษา
          หนังสือใดที่มีคุณสมบัติ ๖ ประการดังกล่าวจะได้รับยกย่องจากผู้ที่ศึกษาและสนใจในศิลปะทางวรรณคดีว่า สมควรรักษาไว้เป็นมรดกวัฒนธรรมของชาติ          วรรณคดีไทยที่ได้รับการยกย่องอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน ล้วนมีคุณค่าทางด้านวรรณศิลป์และด้านสังคม ที่แสดงให้เห็นค่านิยมและ ความเชื่อของคนไทย ส่วนการแต่งวรรณกรรมก็ได้มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านร้อยกรองและร้อยแก้ว ผู้แต่งวรรณกรรมร้อยกรองเรียกว่ากวี ส่วนผู้แต่งวรรณกรรมร้อยแก้วมักจะเรียกว่า
ผู้ประพันธ์ หรือจะเรียกตามประเภทของวรรณกรรมก็ได้ เช่น ผู้แต่งวรรณกรรมประเภทบทละครจะเรียกว่า ผู้แต่งบทละคร ผู้แต่งนวนิยายหรือเรื่องสั้นเรียกว่า ผู้แต่งนวนิยาย




ขอบคุณที่มา สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 24

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี

กทม. 6 โซน : เพื่อวางแผนเส้นทางการสอนสำหรับติวเตอร์

แจกฟรีแบบฝึกหัดภาษาไทยมานะมานี ป.1