แรงบันดาลใจในการเรียนภาษาญี่ปุ่น
สวัสดีครับผมชื่อณฐพล พงศ์ชัยสิริกุล
เรียกกันว่าปองละกันครับ
ปองเป็นหนึ่งในทีมงานสอนภาษาญี่ปุ่นของสถาบันติวเตอร์ครูเดช
ซึ่งกำลังรับงานสอนภาษาญี่ปุ่นอยู่นี่แหละครับ ภาษาญี่ปุ่น หรือ NIHONGO にほんご (นิ-ฮง-โกะ)นั้นเป็นภาษาที่จะเรียกว่ายาก
ก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ในกรณีไหน แนวทางทางการเรียนนั้น
มีทั้งในรูปแบบเพื่อการธุรกิจ เพื่อการท่องเที่ยว เพื่อการสอบในการทำงาน หรือ
เรียนต่อในที่ต่างๆ และแบบที่ผมกำลังเหน็ดเหนื่อยอยู่ทุกวัน คือการเรียนเพื่อให้เป็นคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนที่ถือว่ายากที่สุด เพราะเราต้องเข้าใจทั้ง ตัวคันจิ
ตัวไวยกรณ์(สุดโหด) ภาษาสำเนียง วัฒนธรรม มารยาท การใช้ชีวิต
หรือเรียกว่าต้องแทบจะไปเกิดเป็นคนญี่ปุ่นเลยนี่แหละครับ ทำให้ไม่สามารถขี้เกียจได้เลยครับ
ต้องพัฒนาตัวเองทุกวัน
เหตุผลที่ปองตัดสินใจเรียนภาษาญี่ปุ่นนั้น
มันก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากมังงะ まんが(มัง-งะ)ก็พวกความชื่นชอบในการ์ตูนญี่ปุ่นนี่แหละที่ชอบมากๆเลยก็เช่น กันดั้ม หรือ
เครยอนชินจัง และวัฒนธรรมぶんか (บุง-กะ) ไม่ว่าจะเป็น อาหาร การแต่งตัว หรือที่ชอบมากที่สุดคงเป็นดนตรี
ที่แทบจะว่าร้องตามและหาคำแปลแทบจะทุกเพลงที่ชื่นชอบเลยทีเดียว
วินาทีที่ปองตัดสินใจเรียนนั้นเกิดขึ้นตอนม.4ครับ เลือกสายศิลป์ภาษาญี่ปุ่น
ซึ่งที่บ้านก็แอบคัดค้านเพราะเป็นครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน
และก็มีพูดกันในชีวิตประจำวันเป็นภาษาจีนบ้าง ปองคิดว่ามันง่ายครับ
จากการเคยเรียนภาษาจีนมาตั้งแต่เด็กๆ
นั่นคือก้าวที่ผมเรียกได้ว่าเป็นก้าวที่ทำให้ผมมีชีวิตแบบไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ไปเที่ยวเลยในช่วงปิดเทอมเพราะมีภาษาญี่ปุ่นเป็นอาวุธติดตัวนี่แหละครับ
ความรู้สึกวันแรกที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่น บอกเลยครับ ว่าภาษาญี่ปุ่นตัวหนังสือかわいい(คาวาอี้-น่ารัก)สุดๆ
แต่อย่างว่าแหละครับไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เราเนอะ ก็เลยเหนื่อยพอสมควรนี่แหละครับ
ในการจำ ひらかな(ฮิรากานะ)ที่มีอยู่ทั้งหมด40กว่าตัว หน้าตามันก็คล้ายๆกัน せんせい(เซ็น-เซ)หรืออาจารย์ในภาษาไทย ให้ปองจำวันเดียวในคาบ หมดเลย แล้วสอบ *0*
เรียกได้ว่าทุกคนในห้องตกใจหัวทิ่มพื้นกันเลยทีเดียวครับ
ซึ่งตอนเรียนมัธยมปลายนั้นเราเรียนกัน สัปดาห์ละ 6คาบครับ คาบละสองชั่วโมง
แต่วันแรกที่เปิดเทอมคือวันพุธครับ วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์
บ้าไปแล้วเพื่อนๆพี่ๆน้องๆครับ มีเวลาวันเดียว แล้วสอบเลย กับการเปิดเทอมวันแรก
ที่ม.ปลายมีเรียนกันเรียกว่าแน่นสงัดไม่เหมือนกับการเรียนมหาลัยที่มีเรียนแต่ภาษาญี่ปุ่นครับ
เอาล่ะครับ ในเมื่อปองตัดสินใจแล้วก็ต้องลุยกันให้ตายไปข้าง
ตกเย็นกลับบ้านปองก็ตัดสินใจเปิดคอมพิวเตอร์
เล่นเกมส์ก่อนครับเป็นการคลายเครียด(อ้าว) พอตกดึกก็เริ่มจำตั้งแต่วรรค あ จนถึงวรรค た ครับ หมดไปหนึ่งคืน
เลยคิดว่าจะลุยต่อคืนวันพฤหัส พอเริ่มลุยต่อความขี้เกียจเริ่มมาเยือนครับ
คือปองจำและปองเป็นคนเข้าข้างตัวเองครับ ว่าเราอ่ะความจำดีเลิศ
มองๆดูอย่างเดียวครับ ไม่ต้องคัดหรอกสบายมาก วันศุกร์เช้าชี้ชะตาครับ เพื่อนๆนั่งคัดกันเต็มหน้ากระดาษ
เรียกได้ว่าตอนเข้าแถวโดนครูตีก้น บอกให้วางก็ไม่วายจะวางครับ
ปองซึ่งเป็นคนไม่เครียดชิลๆดูผ่านๆก็เข้าห้องสอบไปครับ แล้วพบกับกระดาษเปล่า
ใช่ครับกระดาษเปล่า ตอนแรกเข้าใจว่าเราเพิ่งเรียน อย่างมากก็น่าจะให้แค่เติม
ตัวอักษรที่หายไปในวรรคนั้นสิ なきたい(นาคิไต้)อยากร้องไห้มากครับ
ผลกรรมของการไม่ยอมเขียน เอาแต่อ่านจำด้วยตาเฉยๆ
ลองเดาสิครับเดาไม่ผิดหรอกว่าผมจะได้คะแนนเท่าไหร่ TT
อ่านต่อตอนที่ 2 ครับ