Featured post
เรียนต่อแดนอาทิตย์อุทัย ภาษาญี่ปุ่นต้องแข็งแรง
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เรียนต่อแดนอาทิตย์อุทัย ภาษาญี่ปุ่นต้องแข็งแรง
ญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และประเพณีที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใครหลายๆคนใฝ่ฝันที่จะได้ไปเยือน หรือไปศึกษาต่อ ก่อนที่น้องๆ จะตัดสินใจว่าจะไปดี หรือไม่ เรามาดูกันก่อนมั้ยคะว่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนหรือแตกต่างจากประเทศไทยไ หากจะพูดถึงประเทศที่เป็นหนึ่งทางด้านเทคโนโลยีแล้วละก็ น้องๆหลายๆคน คงจะนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก เนื่องจากญี่ปุ่นนั้น มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทันสมัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี นอกจากเทคโนโลยีเป็นเลิศแล้วก็ยังมีภาษาใช้ที่เป็นของตนเองอีกด้วย ซึ่งเป็นภาษาที่น่ารักมากๆ ภาษาหนึ่งในโลก ทำให้คนไทยหลายคนเลือกที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่สาม นอกจากนั้นแล้วญี่ปุ่นยังมีเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และประเพณีที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใครหลายๆคนใฝ่ฝันที่จะได้ไปเยือน หรือไปศึกษาต่อ ก่อนที่น้องๆ จะตัดสินใจว่าจะไปดี หรือไม่ เรามาดูกันก่อนมั้ยคะว่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนหรือแตกต่างจากประเทศไทยไหม ญี่ปุ่นเป็นประเทศหมู่เกาะ ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะต่าง ๆ กว่า 6,800 เกาะ เกาะเหล่านี้มีเกาะใหญ่ๆ อยู่ 4 เกาะหลักคือ ฮอกไกโด (Hokkaido) ฮอนชู (Honshu) ชิโกกุ (Shikoku) และคิวชู (Kyushu) เกาะฮอนชูนั้นเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด ประเทศเพื่อนบ้านของญี่ปุ่นคือ เกาหลี รัสเซีย และจีน ทะเลของญี่ปุ่นนั้นได้แบ่งทวีปเอเชียออกจากหมู่เกาะของญี่ปุ่น พื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นเปรียบได้กับประเทศเยอรมันนี หรือแคลิฟอเนีย เกาะด้านเหนือของญี่ปุ่นตั้งอยู่บนแนวละติจูดใกล้เคียงกับ มิลาน หรือพอร์ทแลนด์ ในขณะที่เกาะทางด้านใต้นั้นมีแนวละติจูดเดียวกับบาฮามัส เกาะต่างๆจะเรียงรายเป็นแนวยาวจากด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ของมหาสมุทรแปซิฟิก และตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของโลก ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ " ดินแดนอาทิตย์อุทัย " นั่น เอง ประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ประมาณ 377,800 ตารางกิโลเมตร มากกว่า 50% ของพื้นที่มีลักษณะเป็นภูเขา และเนินเขา และปกคลุมด้วยป่าไม้ แบ่งเป็น 5 ภาค เรียงจากเหนือลงมาคือ โทโฮะกุ (Tohoku) คันโต (Kanto) จูบุ (Chubu) คิงคิ (Kinki) และจูโงกุ (Chugoku) มีจังหวัดต่าง ๆ ทั้งหมด 47 จังหวัด แบ่งเป็นเมืองต่าง ๆ รวมทั้งหมดมากกว่า 650 เมือง โดยมีโตเกียวเป็นเมืองหลวงของประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 ความยาวจากเหนือจรดใต้ ประมาณ 2,800 กิโลเมตร น้องๆทราบกันหรือเปล่าว่า ญี่ปุ่นเนี่ยมีขนาดเล็กกว่าไทยประมาณ 0.7 เท่า แต่มีประชากรมากกว่าเราถึง 2 เท่า แล้วเค้าจะแออัดกันขนาดไหนนะ
ส่วนอากาศที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ในแต่ละภาคของประเทศ จะมีอากาศที่แตกต่างกันอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นนั้นทอดเป็นแนวยาว หากน้องๆ ไม่ชอบอากาศหนาวๆ ละก็ อย่าขึ้นไปถึงฮอกไกโดทีเดียวเชียวนะ เพราะยิ่งสูง มันยิ่งหนาว....
ภูมิอากาศของเมืองหลักๆ รวมทั้งโตเกียวนั้นประกอบไปด้วย 4 ฤดู
คือ
ฤดูหนาว
ประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์
ฤดูใบไม้ผลิ
ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคม
ฤดูร้อน
ประมาณเดือนมิถุนายน - สิงหาคม
ฤดูใบไม้ร่วง
ประมาณเดือนกันยายน – พฤศจิกายน ช่วงที่มีฝนตกมากที่สุดอยู่ในเดือนมิถุนายน ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ช่วงที่มีพายุไต้ฝุ่นจะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน ช่วงที่ร้อนที่สุดคือเดือนสิงหาคม ฤดูใบไม้ผลิ (ฮารุ) มีอากาศที่สบาย น่าอยู่อาศัย ต้นไม้เริ่มผลิดอกออกใบ ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิมีดอกซากุระบานสะพรั่ง ไล่จากคิวชูไปจนถึงฮอกไกโดเป็นที่สุดท้าย ฤดูร้อน (นัตซึ) อากาศค่อนข้างร้อนแบบชื้น เหนอะหนะ ฤดูใบไม้ร่วง (อะกิ) อากาศแห้งและเย็นสบาย ใบไม้กลายเป็นสีเหลืองทอง ในขณะที่ฤดูหนาว (ฟุยุ) อากาศค่อนข้างหนาวเย็น ภูมิอากาศของเกาะฮอกไกโดจะหนาวกว่า และพายุหิมะจะเกิดบ่อยครั้งช่วงฤดูหนาว ส่วน โอคินาวา (Okinawa) อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 16 องศาเซลเซียสในเดือนมกราคม เวลาในญี่ปุ่นจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
ภาษาที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่น
แน่นอนนั่นก็คือภาษา ญี่ปุ่น เป็นภาษาเดียวที่ใช้ทั่วประเทศ แต่ว่าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะมีภาษาท้องถิ่นของตนเอง ภาษาอังกฤษ จะใช้ได้บ้างก็เฉพาะในบริเวณสนามบิน โรงแรมใหญ่ ๆ หรือสถานที่ราชการบางแห่ง ที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนต่างชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว กล่าวได้ว่า คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีจะมีน้อยมาก เด็กนักเรียนญี่ปุ่นจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เมื่ออยู่ชั้น ม.1 ( เกรด 7 ) และด้วยระบบการสอนที่เน้นการให้ข้อมูล การท่องจำเพื่อสอบแข่งขันมากกว่าการใช้ในชีวิตจริง จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่อาจจะเขียนและอ่านได้ดีกว่า ดังนั้นหากคนไทยเราไปญี่ปุ่น โดยที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ก็อาจลำบากในการใช้ชีวิตที่นั่นมากเลย ส่วนตัวอักษรของภาษาญี่ปุ่นนั้นได้รับอิทธิพลการเขียนตัวอักษรแบบจีน และวัฒนธรรมจีนมา ตั้งแต่เมื่อคริสตศตวรรษที่ 7 และ 8 ซึ่งยังคงมีอิทธิพลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากตัวหนังสือที่ใช้อยู่ 3 แบบคือ
ฮิรางานะ
( Hiragana )
คาตากานะ
( Katagana ) และ
คันจิ
( Kanji )
ฮิรางานะ
( Hiragana ) และ
คาตากานะ
( Katagana ) นั้นประดิษฐ์ขึ้นในญี่ปุ่น จากการย่ออักษรจีนบางตัว ทั้งสองแบบมีตัวอักษรอย่างละ 46 ตัว และแสดงเสียงตามพยางค์ ส่วนคันจิ ( Kanji ) นั้นเป็นตัวอักษรจีน ซึ่งเป็นอักษรภาพที่แสดงความหมายในตัวเอง อักษรจีนที่ถูกใช้อยู่มีประมาณ 3,000 ตัว แต่จำนวนอักษรจีนที่ถูกระบุอย่างเป็นทางการ ว่าใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบันมีเพียง 1,945 ตัวเท่านั้น ในการเขียนประโยคต่าง ๆ จะใช้อักษรจีนผสมกับอักษรแบบฮิรางานะ สำหรับชื่อสถานที่ ชื่อเฉพาะอื่น ๆ ที่มาจากอเมริกา ยุโรป และประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อักษรแบบจีน รวมถึงคำศัพท์เทคนิคซึ่งยืมจากภาษาต่างประเทศ จะเขียนด้วยอักษรคาตะกานะ ภาษาญี่ปุ่นอาจเขียนในแนวดิ่งจากข้างบนลงข้างล่างก็ได้ หรือจะเขียนตามขวางจากซ้ายไปขวาก็ได้
ญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน
เงินเหรียญที่ใช้มีตั้งแต่ 1, 5 , 10 , 50 , 100 และ 500 เยนตามลำดับ ธนบัตรมีตั้งแต่ 1,000 , 2,000 , 5,000 และ 10,000 เยน การคมนาคมในประเทศญี่ปุ่นนั้นสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เช่นรถไฟ และรถไฟใต้ดินเครือข่ายรถไฟของญี่ปุ่นเป็นระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพมาก และให้บริการทั่วถึงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีตารางเวลาที่หนาแน่นและตรงเวลา ทั้งยังสะอาดและการเดินทางด้วยรถไฟถือว่าปลอดภัยและสะดวกสบายจึงเป็นที่นิยม มากที่สุด แต่การเดินรถที่ไทยกับที่ญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน ที่ญี่ปุ่นจะมีรถไฟหลายประเภท จะมีทั้งที่จอดทุกสถานี หรือ จอดเฉพาะ สถานสำคัญ ๆ หรือ สถานีใหญ่ ๆ สำหรับเปลี่ยนรถเท่านั้น และตามสถานีรถไฟ ก็จะมี ห้องน้ำ ให้ด้วย ส่วนรถประจำทางก็สะดวกไม่แพ้รถไฟเลย รถประจำทางของญี่ปุ่นจะไม่มี กระเป๋ารถเมล์ เนื่องจากค่าแรงแพง ดังนั้น เวลาที่ขึ้นรถ ประจำจะต้องหยิบใบที่คล้ายกับตั๋วว่าจะลงที่ใด และนำไปนั้นส่งให้คนขับรถเวลาจะลง คนขับก็จะบอกราคา หรือมีอีกแบบคือ บอกสถานที่จะลงแล้วก็หยอดเงินลง ในเครื่องซื้อตั๋ว ที่อยู่บนรถ ก่อนที่จะเข้าไปนั่งส่วนทางในโตเกียว และเมืองใหญ่ ๆ จะเป็นพาหนะสำรอง มากกว่า เพราะการใช้รถไฟ และรถไฟใต้ดิน มีความสะดวก รวดเร็วและมีหลากหลาย เส้นทาง เชื่อมโยงกัน ให้ไปถึงจุดหมาย ได้ทุกหนทุกแห่ง ผู้คนส่วนใหญ่จะโดยสารรถเมล์ใน เส้นทางที่รถไฟ ไปไม่ถึง หรือโดยสารรถเมล์ มาที่สถานีรถไฟ
1. อนุบาล (อายุ 3-6 ปี) 2. ประถมศึกษา (อายุ 6-12 ปี) 3. มัธยมศึกษาตอนต้น (อายุ 12-15 ปี) 4. มัธยมศึกษาตอนปลาย (อายุ 15-18 ปี) 5. วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย เด็กญี่ปุ่นทุกคนต้องเข้าเรียนตั้งแต่อายุ 6-15 ปี เด็กจำนวนไม่น้อยเริ่มเรียนเร็วกว่าโดยเริ่มเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลในวัย 3 หรือ 4 ขวบ เด็กญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดจะเรียนจนกระทั่งอายุ 18 หลังจากนั้นประมาณสามส่วนของจำนวนเด็กจะก้าวสู่การศึกษาในระดับสูงขึ้น เด็กนักเรียนบางคนไม่เรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่อยู่ใกล้บ้าน เพราะมีความรู้สึกว่าโรงเรียนบบางโรงเรียน และมหาวิทยาลัยบางแห่งดีกว่าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยอื่น พวกเขาเชื่อว่านักเรียนที่เรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ดีจะสามารถเข้า มหาวิทยาลัยที่ดี ซึ่งทำให้การได้งานที่ดีเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีการแข่งขันอย่างหนักเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนบางแห่ง ทุกโรงเรียนเลือกเด็กนักเรียนตามผลของการเข้าสอบ แต่ละโรงเรียนเป็นผู้ออกข้อสอบของตนเอง ข้อสอบของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากก็ยากมาก ฉะนั้นนักเรียนจำนวนไม่น้อยจึงเรียนพิเศษที่
โรงเรียนพิเศษ
(จูคุ) ในตอนเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อช่วยในการเตรียมตัวสำหรับสอบเข้า สำหรับนักศึกษาไทย การไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็มีทั้งการไปเรียนภาษา ปริญญาตรี-โท-เอก รวมทั้งหลักสูตรวิชาชีพชั้นสูง ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีทุนการศึกษามอบให้นักเรียนต่างชาติมากมาย น้องๆสามารถติดตามได้ในฉบับต่อๆไปนะคะ การเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับในประเทศญี่ปุ่น ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นสื่อในการสอน แต่ก็มีบางสถาบันหรือบางหลักสูตรที่สอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นนะคะ
ดังนั้นน้องๆ ที่ต้องการจะศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงของญี่ปุ่น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นอย่างเพียงพอ
ทั้งด้านการฟัง พูด อ่านและเขียน ด้วยเหตุนี้ นักศึกษาต่างชาติส่วนมากจะศึกษาภาษาญี่ปุ่นก่อนอย่างน้อย 6 เดือนถึง 2 ปี ก่อนสอบเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงในประเทศญี่ปุ่น การเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น มีทั้งการเรียนในสถาบันเอกชนต่างๆ ซึ่งมีมากถึง 271 แห่ง ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมส่งเสริมการศึกษาภาษาญี่ปุ่น ( Association for the promotion of Japanese Language Education ) ซึ่งสถาบันเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบและประเมินผลทุก ๆ 3 ปี เพื่อควบคุมมาตรฐานและบริการที่มีคุณภาพแก่ผู้เรียน นอกจากนี้ ยังมีสถาบันภาษาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยอีก 41 แห่ง ดังนั้น น้องๆ คนใดที่สนใจ ก็อาจเตรียมตัวเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่เมืองไทยไปก่อนเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายนะคะ ฉบับหน้าเราจะมาดูกันถึงเรื่องของการเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศเจ้าของภาษา ถ้าใครสนใจก็ห้ามพลาดเด็ดขาดนะคะ
ที่มา นิตยสารการศึกษาอัพเกรด และ วิชาการดอทคอม
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้
ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี
ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี สวัสดีครับทุกท่าน ปัญหาการอ่านเขียนไม่คล่องของเด็กและเยาวชนของเรานับวันยิ่งมีปัญหาทวีความรุนแรงขึ้น เรื่อย ๆ จนน่ากลัว การแก้ไขปัญหาภาษาไทยนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ของหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการศึกษาเสียแล้วครับ เมื่อหลายท่าน ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ มีความเห็นตรงกันว่า จะปล่อยปะละเลยต่อปัญหานี้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี วันนี้ ครูเดชจึงได้นำไฟล์ตำราเรียน ที่แสนจะวิเศษ และผมเองกล้าการันตรีว่า หากนักเรียน หรือ ผู้ที่มีปัญหาภาษาไทย ได้ตั้งใจอ่าน ตั้งใจทำความเข้าใจ จะสามารถพัฒนาภาษาไทยไปได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ "มานะ มานี" นอกจากจะเป็นตำราภาษาไทย ที่คนที่มีอายุหลายท่านได้สัมผัสเรียนรู้ในวิชาภาษาไทยมาแล้ว ท่านจะทราบว่าตำราเรียนเล่มนี้ ไม่ได้มีแต่ความรู้ภาษาไทย อย่างเดียวไม่ หากแต่มีความน่าสนุก น่าสนใจ และความตื้นเต้น กลวิธีนี้เองล่ะครับ ที่ผมเห็นว่า เป็นอุบายล่อให้เด็กสนใจตำราเรียนได้เป็นอย่างดี ความสนุก ความเพลิดเพลิน เมื่อนักเรียนอ่านจบเล่ม ตัวละครก็จบชั้นเดียวกัน เมื่อเลื่อนชั้น นักเรี...
แจกฟรีแบบฝึกหัดภาษาไทยมานะมานี ป.1
แจกฟรี แบบฝึกหัดภาษาไทยใช่ควบคู่กับตำรามานะมานี ป. 1 คลิกที่ลิงก์เพื่อดาวน์โหลดครับ แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 1-5 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 6-10 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 11-15 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 16-20 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 21-25 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 26-30 แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 31-35 อยู่ในขณะจัดทำ แบบฝึกหัด มานะมานีบทที่ 36-40 อยู่ในขณะจัดทำ เรียนออนไลน์ เรียนภาษาไทยออนไลน์ เรียนอ่านเขียนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนภาษาไทยที่ออสเตรเลีย หาครูสอนภาษาไทยที่ญี่ปุ่น หาครูสอนภาษาไทยที่เวียดนาม หาครูสอนภาษาไทยที่อเมริกา หาครูสอนภาษาไทยที่เยอรมัน หาครูสอนภาษาไทยที่ฝรั่งเศส Learn Thai with native speakers. หาครูสอนภาษาไทยอ่านเขียน สอนอ่านหนังสือภาษาไทย สอนอ่านเขียน ลูกอ่านภาษาไทยไม่ออก หาครูแก้ไขภาษาไทย สถาบันสอนภาษาไทย โรงเรียนสอนภาษาไทย หาครูสอนภาษาไทยนานาชาติ หาครูสอนภาษาไทยลูกครึ่ง หาครูสอ...
กทม. 6 โซน : เพื่อวางแผนเส้นทางการสอนสำหรับติวเตอร์
ให้ติวเตอร์ใช้เขตพื้นที่เหล่านี้ เพื่อระบุพื้นที่ที่ท่านสามารถเดินทางไปสอนได้สะดวกครับ ศูนย์จะแจ้งงานให้ท่านทราบตามพื้นที่การเดินทางที่ท่านสะดวกครับ โปรดแจ้งตามความสะดวกจริง เพื่อความรวดเร็วในการรับงานสอนนะครับ 1.กลุ่มกรุงเทพกลาง ประกอบด้วย เขตพระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดินแดง ห้วยขวาง พญาไท ราชเทวี และวังทองหลาง 2.กลุ่มกรุงเทพใต้ ประกอบด้วย เขตปทุมวัน บางรัก สาทร บางคอแหลม ยานนาวา คลองเตย วัฒนา พระโขนง สวนหลวง และบางนา 3. กลุ่มกรุงเทพเหนือ ประกอบด้วย เขตจตุจักร บางซื่อ ลาดพร้าว หลักสี่ ดอนเมือง สายไหม และบางเขน 4.กลุ่มกรุงเทพตะวันออก ประกอบด้วย เขตบางกะปิ สะพานสูง บึงกุ่ม คันนายาว ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก คลองสามวาและประเวศ 5.กลุ่มกรุงธนเหนือ ประกอบด้วย เขตธนบุรี คลองสาน จอมทอง บางกอกใหญ่ บางกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชันและทวีวัฒนา 6.กลุ่มกรุงธนใต้ ประกอบด้วย เขตภาษีเจริญ บางแค หนองแขม บางขุนเทียน บางบอน ราษฎร์บูรณะและทุ่งครุ เรียนออนไลน์ เรียนภาษาไทยออนไลน์ เรียนอ่านเขียนภาษาไทยออนไลน์ หาครูสอนภาษาไทยออนไลน์ หา...