ชวนรุ่นพี่เผยเคล็ดลับเรียน “เก่งและดี” ในโครงการ SCG Sharing the Dream
ในยุคสมัยที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบัน “
ความรู้” ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุด ใครมีความรู้มากย่อมเป็นผู้ได้เปรียบ สำหรับใครหลายคน “
ความรู้” มักมาควบคู่กับ “
โอกาส” ที่ทางบ้านพร้อมจะมอบให้ แต่ในอีกมุมหนึ่งของสังคมยังมีน้อง ๆ เยาวชนอีกมากมายที่อยากจะได้รับ “ความรู้” อยากเรียนรู้ อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ยังขาด “โอกาส” ดังนั้น หนึ่งในภารกิจสำคัญของ มูลนิธิเอสซีจี ก็คือการมอบ “
โอกาส” ให้กับน้องๆ ที่มีความตั้งใจแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ได้ต่อยอดและสรรหาเครื่องมือเลี้ยงชีวิตด้วยตัวเอง เพื่อเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคมต่อไป

กว่า 33 ปี ที่ มูลนิธิเอสซีจี ได้มอบทุนการศึกษา
SCG Sharing the Dream โดยมูลนิธิเอสซีจี จวบจนปัจจุบันมีน้องๆ ได้รับโอกาสเหล่านี้แล้วกว่า 63,000 คนทั่วประเทศ เพื่อสร้างคนเก่งและดีให้แก่สังคม ด้วยงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 550 ล้านบาท โดยทุนนี้เป็นทุนให้เปล่า ไม่มีภาระผูกพันต้องใช้คืน เพื่อให้นักเรียนทุนมีหลักประกันด้านการศึกษาว่าจะสามารถเรียนได้สูงสุดจนจบปริญญาตรี หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ทั้งสายสามัญและสายอาชีวะ ตามที่ตัวเองใฝ่ฝันได้ ทั้งนี้ มูลนิธิฯ มีหลักในการพิจารณามอบทุนจากรายได้ของครอบครัว จำนวนพี่น้อง และการขาดผู้อุปการะส่งเสียเล่าเรียน โดยเยาวชนที่รับทุนไม่จำเป็นต้องมีผลการเรียนเป็นเลิศ แต่ต้องมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.5 มีความประพฤติดี และมุ่งมั่นตั้งใจเรียน
ในปีนี้ มูลนิธิเอสซีจี ได้เดินสายพบปะและสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับน้องๆ ที่ได้รับทุนทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องของ “ครอบครัวมูลนิธิเอสซีจี” ภายใต้ชื่องาน “
SCG Foundation Family Day” โดยทีมผู้บริหารของมูลนิธิเอสซีจี ได้เดินสายไปพบปะกับนักเรียนทุนอย่างอบอุ่นในทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ คุณขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลินิธิเอสซีจี พร้อมด้วย สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี และพี่ๆ คณะกรรมการเดินทางขึ้นเหนือร่วมพบปะนักเรียนทุนพร้อมร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ในบรรยากาศที่อบอุ่น
“ดีใจที่ได้เห็นน้องๆ นักเรียนทุนฯ ภาคเหนือมารวมตัวกันในวันนี้ ด้วยเชื่อว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการนำพาน้องๆ ไปสู่ความสำเร็จ มูลนิธิเอสซีจีจึงได้มอบทุนการศึกษา SCG Sharing the Dream โดยมูลนิธิเอสซีจี โดยเรามุ่งหมายอยากให้โอกาสกับน้อง ๆ ที่ตั้งใจเรียนแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะเรา ‘เชื่อมั่นในคุณค่าของคน’ ยังมีคนอีกเยอะที่เค้าไม่มีโอกาสเหมือนพวกเรา เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้รับโอกาสแล้วก็ต้องมุ่งมั่นตั้งใจเรียนให้ดี โตขึ้นจะได้เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติต่อไป” ขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าว
หนึ่งในไฮไลท์ของกิจกรรมในวันนี้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ กว่า 200 คน ในภาคเหนือก็คือ การได้รับฟังเรื่องราวดี ๆ จากรุ่นพี่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ในฐานะอดีตนักเรียนทุน SCG Sharing the Dream โดยมูลนิธิเอสซีจี พร้อมทั้งยังแนะเคล็ดลับในการเรียน และให้แง่คิดดี ๆ ในการใช้ชีวิตมากมายอีกด้วย
เริ่มด้วย เภสัชกรสาวคนเก่ง ประจำโรงพยาบาลแม่สอด-ราม อ. แม่สอด จ. ตาก อย่าง
บิว หรือ
นางสาวสุฑารัตน์ บูรณะทอง จบจากมหาวิทยาลัยนเรศวร คณะเภสัชศาสตร์ สาขาบริบาลเภสัชกรรม ช่วงเวลาในการรับทุน 6 ปี ตั้งแต่ปี 1 – ปี 6 โดย บิวได้เล่าถึงความรู้สึกแรกที่ได้รับทุนว่ารู้สึกดีใจมาก และอยากขอบคุณมูลนิธิเอสซีจี เพราะทุนนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายทางบ้านได้เยอะมาก ทำให้เราได้เรียนและทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมากังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
“
การเรียนเภสัชฯ นั้นไม่ยากเกินไป เพราะระหว่างที่เรียนแค่เรามีความตั้งใจ และทำความเข้าใจทุกครั้ง เราก็จะสามารถสอบและผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน จริงๆ แล้วบิวก็ไม่ใช่คนเรียนเก่ง ดังนั้นจึงต้องตั้งใจมากกว่าคนอื่น อ่านมากกว่าคนอื่น 2 – 3 เท่า เพราะเชื่อว่าการเรียนไม่จำเป็นต้องเก่งเสมอไป ถึงจะสามารถเรียนได้ดี แค่เรามีความพยายามก็จะสามารถประสบความสำเร็จในการเรียนได้เหมือนกัน พอเรียนจบและได้เข้ามาทำงานก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจในวิชาชีพมาก อยากจะพัฒนาวิชาชีพของเราให้ดีที่สุด อยากเห็นรอยยิ้มจากผู้ใช้บริการ และอยากให้เค้าใช้ยาอย่างถูกต้อง แค่นี้ก็ถือเป็นความสุขในการทำงานแล้วค่ะ"
"อยากให้น้อง ๆ ลองสำรวจตัวเองว่าชอบสิ่งไหน และเมื่อเรารู้แล้วก็อยากให้น้อง ๆ ทำในสิ่งที่ตั้งใจและสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุด สุดท้ายแล้วเราก็จะประสบความสำเร็จได้และภาคภูมิใจกับความสำเร็จนั้นอย่างแน่นอน อย่าไปคิดว่าเราด้อยกว่าคนอื่น แต่ให้ใช้โอกาสที่ได้รับมาจากมูลนิธิเอสซีจีให้ดีที่สุดอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นก็ตาม เพราะในที่สุดแล้วความพยายามนั้นจะทำให้เราเท่าเทียมกับคนอื่น ๆ ได้เหมือนกันค่ะ” บิว กล่าวทิ้งท้าย
ต่อด้วยสาวบรรณารักษ์กลุ่มพัฒนาความร่วมมือทันตสาธารณสุขระหว่างประเทศ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข อย่าง
เมย์ หรือ
นางสาวสุทธิกานต์ กันตี จากการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะมนุษยศาสตร์ สาขาบรรณรักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ ซึ่งได้รับทุนตลอด 4 ปี ในการเรียนมหาวิทยาลัย โดยในตอนนั้นคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวล้มป่วย ทำให้ครอบครัวประสบกับปัญหาวิกฤติทางการเงิน
“
เมย์นำได้ทุนการศึกษาของมูลนิธิเอสซีจีมาช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน จึงทำให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์ที่เลวร้ายของครอบครัวมาได้ จริงๆ แล้วบรรณารักษ์ไม่ใช่อาชีพในฝัน เพราะเลือกเป็นอันดับ 2 แต่สอบได้จึงตัดสินใจเลือกเรียนสาขานี้ และด้วยพื้นฐานที่เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว พอได้มาเรียน ได้เจอเพื่อนและอาจารย์แนะนำที่ดี ทำให้ชอบมากและรู้สึกตกหลุมรักในอาชีพนี้ไปแล้ว "
"อยากจะฝากไปถึงน้องๆ ว่าไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหน สาขาใด ถ้าน้อง ๆ มีความตั้งใจ ความสำเร็จรออยู่ตรงหน้าอย่างแน่นอน จึงอยากให้ทุกคนตั้งใจเรียนและทำให้เต็มที่ ที่สำคัญคือมีความกตัญญูรู้คุณผู้ที่มอบโอกาสดีๆ ให้กับเรา และเมื่อเราได้รับโอกาสดีๆ แล้ว ก็อย่าลืมที่จะเป็นผู้ที่มอบโอกาสหรือเป็นผู้ให้ที่ส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นต่อไปด้วยนะคะ” เมย์ กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน
แน็ต หรือ
นางสาวศิริลักษณ์ ขาวฟอง รุ่นพี่ที่ได้รับทุนถึง 7 ปี ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 4 จนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำนักวิชาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีนธุรกิจ จังหวัดเชียงราย ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 และกำลังเตรียมศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ Yunnan Normal University สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทุนของรัฐบาลจีน ปัจจุบันเป็นคุณครูสอนภาษาจีน ที่โรงเรียนอนุบาลลำปาง (เขลางค์รัตน์อนุสรณ์)
แน็ตได้เล่าถึงสาเหตุที่มาเรียนภาษาจีนว่า เริ่มต้นมาจากเรียนวิชาสังคมศึกษา แล้วทราบว่าประชากรของประเทศจีนมีเยอะที่สุดในโลก มีถึง 1.3 พันล้านคน จึงทำให้คิดว่าหากเรียนรู้ภาษาจีนจะทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกับคนได้จำนวนมาก และยังสามารถเพิ่มประสบการณ์และเรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ ของประเทศจีนได้อีกด้วย ก็เลยเลือกเรียนภาษาจีน ซึ่งเป็นการขยายต่อความคิดจากการเรียนวิชาสังคมนั่นเอง โดย แน็ต เล่าต่อว่า
“
ภาษาจีนไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิดค่ะ เพราะภาษาแต่ละภาษามีเสน่ห์ เอกลักษณ์ และวัฒนธรรมของเขาแฝงอยู่ แน็ตอยากให้น้องๆ ลองเปิดใจ การเรียนภาษาไม่ใช่เรื่องยาก อย่างภาษาจีนเพียงแค่เราเรียนรู้พื้นฐาน รู้การอ่าน ผันเสียงวรรณยุกต์ บวกกับเรียนรู้คำศัพท์เพิ่มเติม รับรองเราสามารถไปต่อได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาไหนถ้าเราชอบแล้วเริ่มเลยค่ะ เพราะการทำในสิ่งที่เราชอบ จะทำให้เรามีความมุ่งมั่นพยายามความสำเร็จก็จะอยู่แค่เอื้อมค่ะ”
นอกจากนั้น แน็ตยังกล่าวทิ้งท้ายเพิ่มเติมอีกด้วยว่า “
จากที่เป็นผู้รับมาตลอด 7 ปีจากทุน SCG Sharing the Dream โดยมูลนิธิเอสซีจี ต่อไปนี้จะขอเป็นผู้ให้บ้าง ให้ในสิ่งที่ได้เรียนรู้มา โดยการมอบความรู้ให้กับน้อง ๆ ทุกคนที่สนใจอยากจะเรียนรู้ภาษาจีน และแน็ตเชื่อว่าบนพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ ทุกคนมีมันสมองและสองมือเท่า ๆ กัน ต่างกันก็คือเวลาและโอกาส ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราจะใช้มันอย่างเต็มที่หรือเปล่า ถึงแม้ใน 1 วันจะมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ละคนก็ใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์ได้ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการบริหารและจัดการเวลา หรือแม้แต่โอกาสที่เราต้องออกไปแสวงหาเอง ไม่ใช้นั่งรอให้โอกาสมาถึงจึงจะไขว่คว้า เพราะบางทีโอกาสของเราอาจจะด้อยกว่าคนอื่นๆ แต่ถ้าเราไม่นิ่งเฉยหรือหมดกำลังใจ ถึงแม้จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นๆ เราก็สามารถประสบความสำเร็จใจชีวิตได้เช่นกัน” แน็ตกล่าวทิ้งท้าย
เมื่อ “
ความรู้” มาพร้อม “
โอกาส” อย่ารอช้าที่จะคว้าไว้ เพราะการศึกษานี่แหละที่จะสามารถทำให้ตัวเรามีเครื่องมือในการก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างไม่อายใคร และยังเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยผลักดันตัวเราให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
บทความและภาพประกอบโดย : มูลนิธิเอสซีจี