Featured post

เรียนภาษาไทย-ติวO-NETสังคม : ภัยใกล้ตัวกับเครื่องเขียนของลูก

ระวัง! ภัยจากเครื่องเขียน

      พูดได้ว่าเมื่อลูกเริ่มจับช้อน พอจะหม่ำอาหารเองได้ ก็เริ่มให้ลูกหัดจับดินสอสี ให้ลูกได้วาดเล่นหัดขีดหัดเขียน เพราะนี่คือการช่วยส่งเสริมให้การทำงานของระบบประสาทสัมผัสของกล้ามเนื้อมัด เล็ก (มือนิ้วมือ) มีความแคล่วคล่องแข็งแรงยิ่งขึ้น อันเป็นพื้นฐานในการใช้มือใช้นิ้ว เพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ ในขั้นสูงขึ้นต่อ ๆ ไป เช่น พับผ้า พับกระดาษ ฯลฯ...

       ในบรรดาเครื่องเขียน ถ้าหากไม่คิดอะไรมาก ก็อาจดูว่าไม่น่าจะมีอันตรายใด ๆ...แต่อาจต้องตกใจ เมื่อรู้ว่าสิ่งต่อไปนี้ ล้วนเป็นเหตุให้เด็ก ๆ หลายคนเจ็บตัว และถึงขั้นอาจสูญเสียความสามารถในการทำงานของร่างกายบางส่วนมาแล้ว

        -1. ดินสอ เป็นอุปกรณ์การเรียนชิ้นแรก ๆ ที่เด็ก ๆ รู้จัก และต้องใช้งานเป็นประจำของคุ้นเคยนี้ดูแล้วไม่น่ามีอันตรายใด ๆ แต่ว่ามีรายงานการบาดเจ็บสาหัสจากดินสอเป็นเหตุอยู่มากมาย ที่พบได้บ่อยคือดินสอแทงทะลุมือเด็กจนไส้ดินสอหักฝังใน แล้วเกิดติดเชื้อในภายหลัง นอกจากนั้นก็มีดินสอแทงทะลุเข้าไปในตา ทำให้กระจกตาเสียหาย หรือเกิดการอักเสบของลูกตาดินสอแทงทะลุไขสันหลัง จนเกิดการติดเชื้อและทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาท แทงทะลุทรวงอก ทำให้เกิดลมในปอด ดินสอแทงทะลุหัวใจและเส้นเลือดใหญ่ ฯลฯ

        -2. ดินสอสีไม้ มีแบบที่เป็นแท่งเล็ก ๆ ซึ่งเหมาะกับนิ้วมือน้อย ๆ ของลูก แถมจับได้ไม่มีสีมาติดนิ้วเลอะมือ ข้อสำคัญคือไม่แพงครับ เพราะมันมีส่วนผสมของเนื้อสีน้อยกว่าดินสอสีประเภทอื่น ข้อที่ควรระวังก็คือ อย่าให้เด็กเอาเข้าปาก-จมูก-หู หรือแม้แต่อย่าให้เด็กๆ เดินถือหรือวิ่งถือไปถือมา เพราะส่วนแหลม ๆ ของหัวดินสออาจทิ่มตำเนื้อตัวหรือลูกตาของเขาได้

          นอกจากสีไม้แล้ว บรรดาสีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีไม้ สีเทียน สีน้ำ หรือสีชอล์ก หากเด็ก ๆ จำเป็นต้องใช้ คุณพ่อคุณแม่จะต้องพิถีพิถันในการเลือกซื้อให้กับลูก ๆโดยเลือกที่มีการการันตีที่บรรจุภัณฑ์ว่า non toxic หมายถึง มีกระบวนการผลิตที่ไร้สารพิษ ไร้สารตะกั่ว อาจมีเครื่องหมาย CE พิมพ์การันตีความปลอดภัยไว้ด้วย เพราะนั่นหมายถึงเป็นสินค้าที่ได้รับรองความปลอดภัยไว้ด้วย

          โดยเฉพาะสีเทียนบ้านเรานั้น มีกฎหมายควบคุมมาตรฐานโดยกระทรวงอุตสาหกรรม เวลาเลือกซื้อควรเลือกแบบที่มีสัญลักษณ์มอก. ตามมาตรฐานจะตรวจสอบความแข็งแรงของสี และส่งตรวจหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในสีหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีโทษต่อร่างกายแตกต่างกันไป เช่น ตะกั่ว ทำให้ปัญญาอ่อน ปรอทจะทำลายสมองมีผลต่อการเคลื่อนไหว การพูด การมองหรือการได้ยิน ค่ากำหนดของสารเป็นพิษได้แก้ไขปรับปรุง เพื่อให้สอดคล้องไปกับมาตรฐานสากล และเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน โดยปริมาณของโลหะหนักในสารละลายที่สกัดได้ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด คือ พลวง 60 สารหนู 25 แบเรียม 1,000 แคดเมียม 75 โครเมียม 60 ตะกั่ว 90 ปรอท 60 เซลีเนียม 500 (หน่วย : มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม)

          ขณะนี้มีการรับรองมาตรฐานเฉพาะ สีเทียนครับ สีบางชนิดเช่น สีผง (ขายเป็นซอง ๆ) ยังไม่มีการรับรอง มีขายกันเกลื่อนกลาดโดยไม่มีเกราะความปลอดภัย ถ้าไม่แน่ใจว่าสีนั้นจะมีพิษหรือไม่ ประกอบกับไม่มีเครื่องหมายที่รับประกันใด ๆ เลยไม่ต้องรีรอเลยครับ พาลูกเดินห่างออกมาอย่าไปซื้อสารพิษเข้าสู่มือลูกเลยนะครับ ควรเลือกซื้อสีที่มีเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เพราะว่าสีที่ไม่ได้คุณภาพ จะมีส่วนผสมของสารโลหะหนัก หากเด็กกลืนเข้าไปจะเกิดอันตรายต่อร่างกายของเด็ก

        -3. กรรไกร เด็ก ๆ มักโดนกรรไกรบาดนิ้วบาดมือ ที่น่าตกใจคือเอาไปเล่นกันอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนทะลุท้อง หรือลูกตา ดังนั้นโรงเรียนและที่บ้านจะต้องให้เด็ก ๆ นั้นใช้กรรไกรพลาสติก หรือใช้กรรไกรที่มีปลายมน และแม้เด็ก ๆ จะใช้กรรไกรที่ว่านี้แล้วก็ตาม แต่ก็ต้องอยู่ในการดูแลของคุณครู และอยู่ในความดูแลของคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านด้วยเช่นกันครับ

        -4. น้ำยากัดกระจก ที่ใช้กับงานศิลปะที่พี่ ๆ มัธยมมักนำไปใช้ประโยชน์ในงานศิลปะที่โรงเรียนแล้ว กลับมาทำต่อที่บ้าน ซึ่งเคยตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อหลายปีก่อน ที่เมื่อใช้ไม่หมดแล้วจึงนำมากรอกใส่ขวดน้ำดื่ม (พลาสติก) แล้วตั้งทิ้งไว้บนโต๊ะ น้องชายวัย 4 ขวบ ตื่นเช้ามา...กระหายน้ำ เลยชดน้ำในขวดเข้าไปเต็มอีกใหญ่ ผลก็คือล้มลงไปนอนดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด และก็ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากหลอดอาหารทะลุ เพราะน้ำยากัดกระจกนั้นเป็นกรดอย่างแรง!

        -5. สเปรย์แลคเกอร์ พิษภัยอันรุนแรงของมันถึงขนาดถ้าสูดดมเข้าไปบ่อย ๆ ก็จะเกิดแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือด ทำอันตรายต่อถุงลม ปอดเนื้อเยื่อ ตับ ไต อวัยวะภายในต่าง ๆ รวมถึงทำลายระบบประสาทส่วนกลาง โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง

        -6. ปากกา-วงเวียน ทั้งสองอย่างนี้อาจถือว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องเขียนเครื่องเรียนแท้ ๆ แต่เพราะความแหลมคมของมัน จึงต้องสอนลูกๆ ให้รู้ถึงอันตรายของอุปกรณ์ดังกล่าว สอนให้เด็กเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในกล่องที่มิดชิด และนำมาใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ไม่เอามาเล่นกันอย่างเด็ดขาด

        -7. น้ำยาลบคำผิด ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม และสอนให้เด็กรู้วิธีการใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยแนะให้หลีกเลียงงการสูดดมไอระเหยของน้ำยาลบคำผิด เพราะอาจได้รับพิษภัยจากสารตะกั่วที่เป็นส่วนผสมในน้ำยาลบคำผิด

        -8. กาวตราช้าง หาก กาวติดนิ้ว ห้ามดึงแยกจากกัน เพราะจะทำให้เนื้อฉีก ให้เช็ดด้วยน้ำอุ่น หรือแช่มือลงในน้ำสบู่อ่อน ๆ แล้วถูเบา ๆ เพื่อให้กาวค่อย ๆ หลุดออกไป

        -หากติดที่ริมฝีปาก อย่าดึง หรือจับแยกให้หลุดออกจากกัน แต่ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดริมฝีปากให้เปียก และใช้นิ้วถูเบาๆ ให้กาวหลุดออกไป หากเข้าตาให้รีบล้างตากด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ จากนั้นก็รีบพาพบแพทย์ทันที

        คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคาดไม่ถึงว่า อุปกรณ์เครื่องเรียนเครื่องเขียนนั้นหากใช้ไม่รู้จักระมัดระวัง จะนำภัยอันตรายมาสู่ตนเองดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นประจำ

 ข้อมูลจาก http://www.prthai.com/articledetail.asp?kid=9549

 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี

กทม. 6 โซน : เพื่อวางแผนเส้นทางการสอนสำหรับติวเตอร์

แจกฟรีแบบฝึกหัดภาษาไทยมานะมานี ป.1