Featured post

เรียนภาษาไทย-ติวO-NETสังคม :การศึกษา สู่สนามแข่งขันเวทีอาเซียน ให้จับตาเวียดนาม

การศึกษา สู่สนามแข่งขันเวทีอาเซียน ให้จับตาเวียดนาม

โดย เพชร เหมือนพันธุ์
นับถอยหลัง เหลือเวลาอีกเพียง 6 เดือน หรือ 180 วัน สนามแข่งขัน 10 ประเทศเวทีอาเซียนจะถูกเปิดรั้วประเทศขึ้นในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 กระแสคลื่นของมนุษย์จะเกิดการไหลเวียนขึ้น แผ่นดินใดที่เป็นที่ลุ่มต่ำหรือเป็นที่อุดมสมบูรณ์กว่าก็จะไหลมารวมกัน ณ ที่แหล่งนั้น "น้ำมาปลาก็มา" "ปลามางูก็จะตามมา" ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ประชากรจากเพื่อนบ้านหลายประเทศหมายตาจะเข้ามาแสวงโชค มาหาอาชีพ มาหาโอกาส เพราะประเทศเรามีค่าจ้างแรงงานสูง มีค่าครองชีพสูงกว่าหลายประเทศ โอกาสที่จะดึงดูดให้แรงงานจากต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศจึงมีสูง โลกในทศวรรษหน้า ต้นศตวรรษที่ 21 กำลังจะเป็นโลกแห่งการแข่งขันอย่างแท้จริง โอกาสและภัยร้ายแรงก็จะแฝงกายตามเข้ามาด้วย ชาติไทยเราเตรียมพร้อมเพียงใดครับ ถามทุกคน ถามทั้งโค้ช ถามทั้งผู้เล่น ถามทั้งผู้ชม
หันไปดูทีมคู่แข่ง สิงคโปร์ มาเลเชีย บรูไน มีทั้งความมั่นคงทางการเมือง ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ มีวัฒนธรรมทางสังคม เศรษฐกิจการเมืองที่มั่นคง นิสัยการเป็นผู้ประกอบการ การใฝ่แสวงหาความรู้ การสืบค้นหาข้อมูลความรู้ มีอยู่ในตัวตนของประชากรเขาทุกคน ทรัพยากรบุคคลของเขามีศักยภาพสูงกว่าเราไปแล้วหลายช่วงตัวครับ
ประเทศที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันกับไทย ณ วันนี้คือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย โอกาสที่เขาจะแซงหน้าเรายังมีอยู่มาก ผู้นำเขามีวิสัยทัศน์ การเมืองมั่นคง ส่วนประเทศที่ตามหลังเราอยู่คือ เวียดนาม ลาว เขมร พม่า ยังวางใจไว้ไม่ได้นาน คนของเขาวันนี้คือกลุ่มที่ไหลเข้ามาทำงานในประเทศไทยค่อนข้างสูงมาก
แต่หลังเข้าสู่อาเซียน เขามีความมุ่งมั่นที่จะแซงหน้าเราให้ได้ ดูจากกีฬาซีเกมส์คราวที่แล้ว เหรียญทองเวียดนามนำหน้าไทยอยู่หลายวัน สร้างความภาคภูมิใจให้คนเวียดนามอย่างเต็มที่ เขาพร้อมจะแซงเราในอนาคต ฟุตบอลทีมชาติเวียดนามเคยชนะไทยครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว เขาถึงกับปิดประเทศฉลองกันสามวันสามคืน จับตามองเวียดนามให้ดีครับ ทุกวันนี้ประเทศเวียดนามไม่ได้มองไทยเป็นคู่แข่งของเวียดนามแล้วครับ เขามองข้ามไทยไปที่สิงคโปร์แล้ว
หนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับหนึ่งลงข่าวว่ามาตรฐานการศึกษาของเวียดนามชนะอเมริกาแล้ว จากการรายงานของโต๊ะข่าวเออีซีของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว แจ้งว่าสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ในการทดสอบมาตรฐานการศึกษาในโปรแกรม PISA : Program for International Student Assessment ครั้งล่าสุดในปี 2555 (มีนักเรียน 510,000 คน จาก 65 ประเทศ ซึ่งจัดขึ้นทุก 3 ปี คราวต่อไปจะทดสอบในเดือนกรกฎาคม 2558 นี้) ปรากฏว่าเด็กนักเรียนอายุ 15 ปีจากเวียดนาม ซึ่งส่งเข้าร่วมสอบเป็นปีแรก ได้คะแนนวิชาการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ สูงกว่านักเรียนจากประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมาก ผลการทดสอบใน 3 รายวิชา ปรากฏว่าวิชาคณิตศาสตร์ได้ที่ 17 วิชาวิทยาศาสตร์ได้ที่ 8 วิชาการอ่านได้ที่ 19 ซึ่งสูงกว่าเด็กอเมริกันทุกรายวิชา เด็กอเมริกันสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้ที่ 36 วิทยาศาสตร์ได้ที่ 28 และการอ่านได้ที่ 23 และข้อมูลล่าสุด ประกาศจากโออีซีดี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ปรากฏว่าการศึกษามาตรฐานของเวียดนามวัดผลจาก 2 รายวิชา คือ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ อยู่ในลำดับที่ 12 ขณะที่สหรัฐอเมริกาอยู่ลำดับที่ 28

ปัจจัยที่บีบีซีระบุว่าทำให้เวียดนามมีมาตรฐานคุณภาพการศึกษาสูง

มีอยู่ 3 ปัจจัย คือ
1) ความมุ่งมั่นของผู้นำประเทศ
2) หลักสูตรที่เจาะลึก และ
3) ครูที่มีคุณภาพ
ขยายความว่าผู้นำระดับสูงของประเทศให้ความสำคัญต่อการศึกษาของคนรุ่นใหม่อย่างจริงจัง เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีผู้นำมองการณ์ไกลและมุ่งมั่นในการเตรียมคนรุ่นใหม่ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรมของเวียดนามมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้จากประเทศที่มาตรฐานการศึกษาสูง และทุ่มเทงบประมาณอย่างฉลาดในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ หลักสูตรยังมีการออกแบบให้นักเรียนได้รู้ลึกในแก่นความคิดและทักษะของแต่ละรายวิชา การสอบวัดผล เด็กเวียดนามจะสอบด้วยการเขียนตอบ (Written Examination) มากกว่าการกา ก ข ค และ ง ในคำตอบที่ครูจัดสรรมาไว้ให้เลือก เด็กเขาจึงต้องอ่านมาก เฉลี่ย 60 เล่ม/ปี/คน ฝึกเขียนมาก เพราะต้องฝึกเขียนคำตอบบรรยายขยายความรู้ เขียนแสดงเหตุผลประกอบคำตอบในเวลาสอบ
นักเรียนเวียดนามเมื่อเรียนจบมาแล้ว จึงไม่ใช่แค่ท่องจำวิชามาเท่านั้น จะต้องสามารถประยุกต์ใช้วิชาความรู้ ทักษะที่เรียนมาในภาคปฏิบัติในสถานการณ์ต่างๆ มาใช้ในชีวิตจริงได้ ครูเวียดนามจึงต้องตั้งคำถามที่ยากๆ ให้นักเรียนหาคำตอบด้วยตนเอง เป็นการสอนเน้นให้นักเรียนพัฒนาตนเองขึ้นไปเรื่อยๆ

การปลูกฝังค่านิยมด้วยคำถาม 5 ข้อ คือ การสร้างค่านิยม ความกตัญญู การทำความดี การติดตามข้อมูลข่าวสาร การรู้ทันการเปลี่ยนแปลงและการรู้ทันความเคลื่อนไหวในโลก ในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในภาคกลางของประเทศจะมีการบ้านให้เด็กตอบ 5 ข้อทุกวัน คือ
1) วันนี้หนูช่วยพ่อแม่ทำงานอะไรบ้าง
2) วันนี้หนูทำความดีกับคนอื่นอะไรบ้าง
3) ที่หมู่บ้านของหนูมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
4 ) มีข่าวการเปลี่ยนแปลงอะไรในประเทศของเธอบ้าง และ
5 ) ในโลกของเรามีข่าวอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

เด็กเวียดนามจึงตื่นตัวตลอดเวลา

การเรียนของเด็กเวียดนาม เด็กทุกคนตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเพื่อเตรียมตัวเป็นพลเมืองของอาเซียนที่มีคุณภาพ ทุกรายวิชาที่เรียนต้องรู้ลึก รู้จริง รู้กว้าง รู้เท่าทัน (ใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา) ในทุกภาคเรียนครูจะจัดการประเมินความรู้เด็กเพื่อจัดลำดับที่ในประเทศและจัดลำดับในต่างประเทศด้วย นักเรียนจะประเมินความสามารถของเพื่อนนักเรียนด้วยกันเองด้วย มีการจัดการศึกษาสำหรับเด็กอัจฉริยะเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ คือวิชาที่คนเวียดนามให้ความสำคัญที่สุด ครูได้รับการยกย่องและนับถือสูง ให้อิสระแก่ครูและโรงเรียนจัดการหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยตนเองสูง โรงเรียนมีระบบที่ได้รับความน่าเชื่อถือ มีหน้าที่จัดความสมดุลระหว่างโรงเรียนกับนโยบายกลางของรัฐบาล หลักสูตรทุกระดับสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้

รัฐบาลเวียดนามปฏิรูปการศึกษาได้ชัดเจนมาก แบ่งการปฏิรูปออกเป็น 5 ระดับ คือ

1) ปฏิรูปการศึกษาก่อนวัยเรียน
2) ปฏิรูปการศึกษาระดับประถมศึกษา
3) ปฏิรูปการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
4) ปฏิรูปการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ
5) ปฏิรูปการศึกษาระดับอาชีวศึกษา มีการส่งเสริมหลักสูตรระยะสั้นเพื่อฝึกอบรมคนเข้าสู่ตลาดแรงงานได้
บีบีซีระบุว่า ปัญหาของเวียดนามขณะนี้ไม่ใช่เรื่องของการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะสูง แต่อยู่ที่เศรษฐกิจของเวียดนามจะพัฒนาไปให้ทันใช้แรงงานทักษะ และคนที่มีระดับการศึกษาที่ดีในอนาคต นักวิเคราะห์บางท่านระบุว่าไม่น่าห่วงเลยสำหรับเวียดนาม เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเปิดขึ้น คนเวียดนามที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถไปทำงานในประเทศต่างๆ ได้สบาย ตัวอักษรภาษาเวียดนามใช้ตัวอักษร Arabic การเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศสจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ครับ ระฆังเตือนครั้งสุดท้าย คู่แข่งที่อยู่นอกสายตาจ่อก้นและแซงไปแล้วในหลายสนาม สนามอาเซียนกำลังจะพิชิตในเร็ววันนี้ ทรัพยากรที่เขาใช้ในการพัฒนาการศึกษาน้อยกว่าเรามาก ปัจจัยทางอาคารสถานที่ อาคารเรียน วัสดุอุปกรณ์ก็สู้เราไม่ได้ แต่เพราะการจัดการที่ฉลาด แบบทุ่มเท มุ่งมั่น มุมานะสุดตัว ทำให้เวียดนามทำสถิติโลกก้าวข้ามคู่แข่งขันในอาเซียนไปแล้ว เรียนรู้จากเขา เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเขาเพื่อจะได้เข้าใจเขา เอาบทเรียนของเขามาเป็นแบบฝึกหัดของเรา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ครับ ยอมรับเขา ชื่นชมเขา รับรองว่าไม่เสียหน้า
เวียดนามเคยรบชนะฝรั่งเศสในสงครามเมืองเดียนเบียนฟู รบชนะอเมริกาในสงครามเวียดนาม โดยไม่มีอาวุธทรงอานุภาพ ไม่มีบี 52 โดยไม่มีเอฟ16 ไม่มีปืนใหญ่สมรรถนะสูง เพียงเขาหันมา เศรษฐกิจพอเพียง หรือเนื้อเต่ายำเตา เอาอาวุธของศัตรูมาฆ่าศัตรู บวกกับความมุมานะ มุ่งมั่นของทุกคนในชาติเห็นภัยที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต การจัดการที่ชาญฉลาด เขาจึงชนะได้

กลไกการจัดการศึกษาของเราน่าจะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ หรือว่าคู่แข่งเขามีคาถาพิเศษที่เหนือกว่า ถ้ายังปล่อยให้การขับเคลื่อนทางการศึกษายังเป็นไปเช่นทุกวันนี้ หายนะน่าจะมาถึงแน่นอน

คำถามของประเทศไทย ทำไมเด็กไทยจึงสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษไม่ได้ ทำไมเด็กไทยจึงขาดความกล้า ทำไมเด็กไทยจึงไม่มีนิสัยรักการอ่าน ทำไมเด็กไทยจึงเขียนหนังสือไม่เป็น ทำไมเด็กไทยไม่มีนิสัยในการทำงานหนัก มาโรงเรียนทุกวัน เรียนมากกว่าหลายประเทศ แต่ยังคิดวิเคราะห์ไม่เป็น ทำไมเด็กไทยจึงเลี้ยงไม่โต

ทำไมเด็กที่เรียนในระดับอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัยยังไล่ฆ่าไล่แทงไล่ยิงกันอยู่

โค้ชนักกีฬาทีมชาติทุกประเภท หากขาดการประเมินคู่แข่งขันก็ยากที่จะเอาเหรียญทองกลับมาบ้านได้ เมื่อประเมินคู่แข่งแล้ว รู้ว่าคู่แข่งเก่งอย่างไร ก็ต้องกลับมาแก้ไข กลับมาพัฒนาทีม
มีหลายชาติที่ยอมส่งโค้ชส่งนักกีฬามาเรียนอยู่ในไทย เช่น เกาหลีใต้ส่งนักกีฬา ส่งโค้ช มาเรียนกีฬาตะกร้อหรือมวยไทย เป็นต้น มองดูโค้ชนักกีฬาสายการศึกษาไทยแล้วอ่อนใจ น่าเห็นใจ เพราะยังไม่รู้ว่าทีมของตนเองมีจุดอ่อนตรงจุดใด จุดแข็งอยู่ตรงไหน จับจุดไหนก็ดูมีปัญหาไปทุกเรื่อง ป่วยไปหมดทั้งองค์กร หมอที่มารักษาโรคก็วินิจฉัยโรคไม่ถูกรักษาอาการป่วยไม่ถูกวิธี

แถมยังไม่กล้าหาญที่จะส่งโค้ชส่งนักกีฬาไปเรียนรู้จากประเทศข้างบ้านอีกต่างหาก งบประมาณที่ทุ่มเทลงไปจึงเหมือนตำพริกละลายแม่น้ำ แล้วเราจะไปแข่งกับใครได้ครับ



โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดาวน์โหลด"มานะมานี" แจกไฟล์ตำราเรียนฟรี

กทม. 6 โซน : เพื่อวางแผนเส้นทางการสอนสำหรับติวเตอร์

แจกฟรีแบบฝึกหัดภาษาไทยมานะมานี ป.1