จากที่ครูเดชได้แชร์ประสบการณ์การเรียนรามของบัณฑิตคนเก่งหลาย
ๆ ท่านแล้ว
ครูขอนำประสบการณ์ของครูเดชเองที่สำเร็จการศึกษาที่รามคำแหงได้ในเวลาเพียง 3
ปีครึ่งมาเล่าสู่ให้ทุกท่านฟังครับ
ครูเดช สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมฯ
ในสาขาวิทย์-คณิต ต้องบอกว่าครูไม่เก่งเลยครับ เรียนแย่มาก
จบด้วยรายงานเลยทีเดียวครับ ครูเดชอยู่ในครอบครัวที่คุณแม่เป็นเสาหลักของบ้าน
คุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ครูเดชอายุ 7 ขวบกว่า ๆ คุณแม่ครูเดชเป็นยอดมนุษย์
หญิงแกร่งที่สุดในชีวิตของครูครับ ท่านทำงานและส่งลูกจนเล่าเรียนจบได้
ต้องนับถือท่านที่สุด
ครูเดชได้รับโอกาสจากอาจารย์ที่ปรึกษาชั้น
ม 6 ให้ครูได้โอกาสสอบโควต้าที่มหา'ลัยดัง
ๆ หลายแห่ง แต่ครูปฏิเสธครับ
เพราะครูรู้ว่าค่าใช้จ่ายมันสูงและคุณแม่ของครูเดชคงไม่สามารถจะจ่ายได้
ครูเดชมุ่งหน้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่า
"เข้าง่าย ออกยาก" นั้นก็คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ครูเดชลงเรียนที่รามคำแหง
คณะแรกที่เรียน คือ คณะศึกษาศาสตร์ เอกวิชาภาษาอังกฤษ
ด้วยความคิดที่ใครจบอังกฤษได้ ย่อมมีงานทำ แต่ครูลืมนึกไปว่า
เราไม่ถนัดในภาษาอังกฤษเลย ทำให้มีอยู่เทอมนึง ที่ครูลงทะเบียนภาษาอังกฤษไป 8 วิชา
ครูตกเรียบเลยครับ 55555
ครูเดชจึงตัดสินใจย้ายไปเรียน
ศึกษาศาสตร์ ภาษาไทย ก็เรียนวิชาการศึกษา ไม่รอด จึงย้ายไปเรียน มนุษยศาสตร์
ภาษาอังกฤษ ครูก็ไปไม่รอดสุดท้ายตัดสินใจแบบเด็ดขาด
ถ้าย้ายไปย้ายมาเรื่อย ๆ คงตาย เรียนไม่จบแน่ ๆ ครูเลยกลับมาถามตนเองว่าตนเองชอบอะไรที่สุด
คำตอบที่ได้มาคือ
ชอบอะไรที่ชาวบ้านเค้าไม่ชอบกัน เมื่อได้คำตอบแล้ว
ครูเดชจึงย้ายมาเรียนในคณะมนุษยศาสตร์ เดิม แต่เปลี่ยนวิชาเอก เป็น ประวัติศาสตร์
ครูคิดว่าคงมาเรียนถูกทางแล้ว เพราะเพียงเทอมแรกที่ย้ายมาเรียน ครูเดชก็ได้ G ทั้งหมด 8 วิชา
(ซึ่งภายหลังรามคำแหงได้เปลี่ยนเป็นเกรดแบบสากล G จึงเท่ากับ
A )
ครูถือว่าครูประสบความสำเร็จในระยะแรกแล้วครับ
บางท่านอาจจะงงว่าทำไมครูเดชย้ายตั้งหลายคณะ และวิชาเอก และสามารถจบได้เพียง 3 ปี
ครึ่ง ต้องเรียนว่า เป็นเพราะในบางวิชาที่ครูผ่านนั้น
ครูได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวิชาโท และวิชาเลือกเสรี ครับ
เพื่อให้ครบตรงตามหลักสูตรกำหนด
ด้วยความพากเพียร
แม้ในช่วงปีที่ 3 ที่ครูเรียนรามคำแหง จะเริ่มรับเป็นครูสอนพิเศษภาษาไทย สังคมแล้ว
แต่การเรียนครูก็ไม่เสียครับ ครูเพียรตั้งใจอ่านตำรา อย่างมากจนในที่สุด ครูก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีได้
ในระยะเวลาที่เพื่อนที่เรียนจบ ม. 6 พร้อมกันยังไม่จบ ตั้งครึ่งปีครับ
ครูดีใจและภูมิใจมาก
ภูมิใจที่ไม่ต้องเดือดร้อนคุณแม่ในค่าใช้จ่ายในการเรียนที่รามมากจนเกินไป
(ครูเรียนที่ราม เสียค่าลงทะเบียบ ไม่เกิน 7,000 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาสำหรับการเรียน
3 ปี กับ 1 เทอมครับ ) สิ่งสุดท้ายแม้ครูมีความภูมิใจในสาขาที่เรียน เป็นอย่างมาก
เพราะเป็นสาขาที่คนเรียนน้อย และเป็นวิชาที่น่าสนใจมากครับ และที่สำคัญที่สุด
คือภูมิใจที่เป็นลูกพ่อขุน ได้ร่ำเรียนและจบในรั้วรามคำแหง
สถาบันที่ดีที่สุดในดวงใจ และเป็นสถาบันการศึกษาที่ให้โอกาสทางการศึกษามากที่สุดแห่งหนึ่งครับ
สมกับคำขวัญที่ว่า #เปลวเทียนให้แสง #รามคำแหงให้ทาง
ใครที่อยากประสบความสำเร็จแบบครูเดช
รามคำแหงยังเปิดโอกาสให้ทุกท่านอยู่นะครับ ขอแค่มีความเพียรและความตั้งใจ
ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ ผลลัพธ์จะส่งให้ทุกท่านประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนครับ
อยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ ครูเดชเองก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร การที่เราสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยดี ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าเราโง่เง่าแต่ประการใดครับ ครูเดชเลือกเรียนที่รามคำแหงนี้โดยไม่ไปสอบโควต้าแต่อย่างใด (ถ้าอาจารย์ตอน ม. 6 ทราบคงโกรธครูเดชน่าดูครับ 555) สาเหตุที่ครูเดชไม่ไปสอบ ก็เพราะครูเดชไม่อยากทำให้คุณแม่ลำบากครับ เรื่องค่าใช้จ่าย
แต่ถึงรามจะมีข้อดีมากมาย แต่รามคำแหงก็ไม่เหมาะสำหรับคนที่ขาดเพื่อนไม่ได้นะครับ ต้องบอกว่าการเรียนที่ราม ต้องเข้มแข็ง ต้องอย่าท้อแท้ เพราะเรามีตัวของตัวเองเป็นที่พึ่งครับ ไม่มีใครจะมาให้เราพึ่งเลย ถ้าหมั่นพากเพียร ครูเดชรับรองเลยว่า จบแน่นอน แต่หากไม่หมั่นตั้งใจเรียน แม้รามคำแหงจะให้เวลาถึง 8 ปี ก็ไม่จบครับ ความตั้งใจเป็นสิ่งที่รามคำแหงต้องการจากเราครับ
หากท่านใดอ่านบทความนี้แล้วอยากจะปรึกษาครูเดชถึงการเรียนที่ราม ครูเดชยินดีนะครับ ที่จะช่วยเหลือตามความสามารถครับ สามารถติดต่อครูเดชได้ที่ 084-014-7717 , 094-070-7114 ครูเดชยินดีเสมอครับ