เจ้าตัวเล็กของคุณเป็นโรคสมาธิสั้น หรือแค่มีพลังงานเหลือเฟือกันแน่? เราจะบอกคุณว่าเด็กแบบไหนเป็นเด็กสมาธิสั้นและแบบไหนคือเด็กไฮเปอร์
พร้อมวิธีรักษา
เด็กสมาธิสั้นหรือแค่ไฮเปอร์
สัญญาณโรคสมาธิสั้นในเด็กเล็ก
เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะไม่สามารถทำอะไรให้เสร็จสมบูรณ์ได้
ต่อให้เป็นงานที่ง่ายที่สุดก็ตาม ปกติเด็กเล็กมักมีสมาธิสั้นกว่าเด็กโตอยู่แล้ว
แต่เด็กที่เป็นโรคนี้จะเริ่มคิดถึงงานถัดไปก่อนที่จะเริ่มทำงานแรกเสียอีก
พวกเขาจะไม่สามารถนั่งฟังนิทานเฉย ๆ หรือแม้แต่ช่วยพับผ้าได้
เด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้นจะทำตามคำสั่งหรือประมวลข้อมูลได้ลำบากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
เขาจะพูดตลอดเวลา เพียงเพื่อให้ได้พูด แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่ถามคำถาม “ทำไม” ตลอดเวลาจะเป็นโรคสมาธิสั้น
เด็กที่เป็นโรคนี้จะพูดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสมอง และพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ
อีกอาการหนึ่งของเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นคือ เขาจะเคลื่อนไหวตลอดเวลา
เช่น กระโดดบนเตียง กระโดดลงจากโต๊ะ ขยุกขยิก แกว่งแขน แกว่งเท้า เล่นกับอาหาร
และไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ หมายเหตุ: นี่เป็นอาการทั่วไปของเด็กสมาธิสั้น
ไม่ใช่เด็กที่กำลังตื่นเต้นเพราะจะได้ไปเที่ยวข้างนอกนะคะ
เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมักมีความคิดสร้างสรรค์และช่างจินตนาการ
สมองของเขาจะวิ่งปรู้ดตลอดเวลา และอยากทำนู่นทำนี่ไปซะทุกอย่าง
มักเป็นพวกที่คิดเรื่องราวประหลาด ๆ มาเล่าให้คุณฟังได้เสมอ
ชอบวาดรูปสัตว์หน้าตาประหลาด และเมื่อเริ่มโตขึ้น เขาจะสามารถทำหลาย ๆ
อย่างในเวลาเดียวกันได้ เช่นฟังคุณพูดไปพร้อม ๆ กับการจดจ่ออยู่กับงานอื่น
การวินิจฉัยของแพทย์เกี่ยวกับอาการสมาธิสั้น
ไม่ว่าลูกของคุณจะมีอาการชัดเจนแค่ไหน
เราก็ไม่แนะนำให้คุณพยายามวินัจฉัยโรคด้วยตัวเอง มีเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบหลายคนถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นโดยที่พวกเขาไม่ได้เป็น
เนื่องจากการวินิจฉัยโรคนี้ต้องอาศัยเวลาสังเกตพฤติกรรมต่อเนื่อง
เด็กในช่วงวัยนี้อาจดูไฮเปอร์ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นโรคสมาธิสั้นเสมอไป
อาจแค่อยู่ในช่วงกำลังซน อยากรู้อยากเห็น แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อเด็กโตขึ้น
เด็กสมาธิสั้นจะอยู่นิ่งไม่ได้
วิธีรักษาอาการสมาธิสั้นที่ดีที่สุด
มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำเพื่อบรรเทาอาการโรคสมาธิสั้นได้ เช่น
ทำให้บรรยากาศในบ้านสงบ งดกิจกรรมที่อึกทึก และอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
เพียงแค่ลองเปลี่ยนอาหารให้ลูก ก็อาจช่วยบรรเทาอาการได้มาก
พยายามงดอาหารแปรรูปที่ใส่สีผสมอาหาร สารเคมี และอาหารขยะทั้งหลาย
ร่างกายของเราถูกออกแบบมาเพื่อให้ย่อยผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม
การกินอาหารอย่างระวังจะช่วยบรรเทาอาการได้โดยไม่ต้องพึ่งยา
ลดสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ห้องที่มีสีสันสดใส การเปิดเพลงเสียงดัง
วิดีโอเกมหรือรายการทีวีที่มีการเคลื่อนไหวเยอะ ๆ และอื่น ๆ จะยิ่งกระตุ้นประสาท
และทำให้ลูกไม่สามารถจดจ่อได้ พยายามทำให้ทุกอย่างเงียบสงบ
หากิจกรรมที่ลูกได้ลงมือทำด้วยตัวเองให้ลูกทำก็ช่วยได้เช่นกัน
ให้รางวัลเมื่อลูกทำงานเสร็จ
เพื่อกระตุ้นให้ลูกจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งและปฏิบัติตัวดีจนกว่างานจะสำเร็จ
บางครั้งอาการของโรคอาจเกิดขึ้นกระทันหันจนเด็กไม่สามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตได้ตามปกติ
คุณอาจจำเป็นต้องให้ยา
แต่ควรเลือกวิธีนี้เป็นทางเลือกสุดท้ายหลังจากที่ได้ลองวิธีอื่น ๆ แล้ว
คุณอาจปรึกษากุมารแพทย์เพิ่มเติมเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับโรค
การวินิจฉัย วิธีรักษา และวิธีการฝึกให้ลูกใช้พลังไปในทางที่สร้างสรรค์
เรียนสังคมต้องครูเดช #ครูเดชสังคม