ทำไงดี ลูกอ่านเขียนไทยไม่คล่อง ตอน เรียนรู้ปัญหาการอ่านเขียนเริ่มต้น
ให้เข้าใจ
มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับการเรียนรู้ภาษาที่แตกต่างกันออกไป
การเรียนรู้ในลำดับต้น คือการเรียนรู้การพูดนะเองครับ
การพูดไม่ยากเท่าการอ่านและการเขียน เหตุผลก็คือว่า การอ่านและการเขียน
มีระบบการเรียนรู้ที่ซับซ้อนมากยิ่งกว่าการพูด แต่
ครูเดชเองก็ต้องบอกก่อนนะครับว่าการพูดก็ยากเอาการเหมือนกัน
แต่การพูดในช่วงต้น หากท่านผู้อ่านลองสังเกตบุตรหลานดู หรือเด็กเล็ก ๆ
จะเห็นว่าในการเรียนรู้ในการพูดในระยะต้นนั้นจะเริ่มจากการเลียนแบบพ่อแม่
และโทนเสียงแรก ๆ ที่เด็กสามารถออกได้ก็คือ กลุ่มเสียงปาก
หรือฐานกรณ์ปากนั้นเองครับ
คำว่า
“พ่อ” “แม่” เป็นกลุ่มเสียงที่เกิดจากการออกเสียงจากริมฝีปาก
เด็กที่เห็นพ่อแม่พูดและเริ่มเลียนแบบ จะสามารถเลียนแบบกลุ่มเสียงนี้ได้ก่อนครับ
แหมไปยาวเลย อธิบายไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ท่านผู้อ่านอย่าพึ่งรำคาญไปนะครับ ครูเดชเคยเรียนมาตอนสมัยเรียนภาษาศาสตร์ครับ แต่สิ่งที่ครูเดชพูดไปนี้ เป็นสิ่งสำคัญนะครับ
เพราะเป็นระบบการเรียนของมนุษย์ตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียวครับ
แล้วทำไมเด็กบางคนจึงเรียนรู้ภาษาได้ช้ากว่าเพื่อน
คำตอบอาจจะมีอยู่หลายทางครับ ต้องดูแต่ละปัญหาที่เกิดขึ้น
เช่นเด็กบางคนมีปัญหาการเรียนรู้แต่กำเนิด อาจจะอยู่ในข่ายออทิสติก
ซึ่งครูเดชต้องเรียนก่อนนะครับว่า เด็กในกลุ่มนี้ สามารถเรียนรู้ได้ครับ
แต่ช้ากว่ามาก การที่พ่อแม่ผู้ปกครองมีเด็กกลุ่มนี้ในการดูแล ต้องทำความเข้าใจต่อพวกเขามาก
ๆ และใส่ใจนะครับ เด็กกลุ่มนี้พัฒนาได้ ไม่ใช่ภาระอย่างที่คิดหรือเข้าใจกันครับ
หากเด็กไม่ได้มีปัญหาในส่วนของปัญหาด้านการเรียนรู้ อาจจะดูส่วนอื่น ๆ
ประกอบ ทั้งส่วนของการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม จากโรงเรียน
หรือแม้กระทั่งจากครอบครัวครับ
เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เด็กต้องมีพัฒนาการทางด้านภาษา
บางครั้งการเลี้ยงดู อาจจะมีผลด้วยนะครับ
ส่วนนี้เป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนต้องพิจารณาให้รอบครอบ
แต่มีปัญหาอยู่ส่วนหนึ่ง
ซึ่งมักจะเกิดเป็นประจำ คือ ปัญหาการอ่านเขียนไม่คล่องนั้น
ส่วนมากจะเกิดในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ตามที่ครูเดชได้ศึกษา และประสบการณ์ครับ
จะเห็นได้เลยว่า เพศก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อเด็กในการเรียนภาษาของเด็กครับ
แต่ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ เพศชายมักจะมีปัญหาภาษา ไม่มากก็น้อยครับ แต่ไม่ใช่ทุกคน
เพราะอย่างที่ครูเดชเรียนไปตอนต้นที่ว่า
ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาการอ่านเขียนไม่คล่องนั้น มีหลายส่วนประกอบกันครับ
สิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก
ๆ ที่ครูเดชเห็นในปัจจุบัน คือ หลักสูตรการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นผู้เรียนให้เรียนรู้แบบลัดขั้นตอน
หรือการไม่ปูพื้นฐานของผู้เรียนให้แน่นก่อนเข้าสู่ช่วงชั้นประถมศึกษา หรือหากจะกล่าวแบบตรง ๆ นั้นก็คือ
ปัญหาตำราเรียนที่โรงเรียนใช้กันในปัจจุบันครับ
ครูเดชเอง
ต้องขอเรียนก่อนว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะเขียนบทความนี้โดยโยนความผิดไปที่ตำราเรียนของโรงเรียนที่ใช้นะครับ
เพราะอย่างที่ครูเดชเขียนในบทความนี้และย้ำเสมอว่า
ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาการอ่านเขียนไม่คล่องนั้นมีหลากหลายปัจจัยครับ การแก้ไขปัญหาภาษาไทย เด็กอ่านไม่ออก
เขียนไม่ได้ ต้องแก้ไขกันอย่างมากมายครับ ต้องใจเย็น
และต้องให้เวลาให้เด็กได้เรียนรู้ ไม่เร่งเรียนรู้ การเรียนไม่ใช่สิ่งที่สนุก
แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น การที่ผู้ปกครอง หรือ
คนบางส่วนต้องการให้ครูจัดกิจกรรมในการเรียนตลอดเวลานั้น
ครูเองก็ไม่สามารถทำได้ครับ ครูเดชแม้ไม่ได้ทำงานในโรงเรียน แต่รู้ในปัญหาส่วนนี้ดี
โรงเรียนอาจจะตกเป็นจำเลยของการแก้ไขปัญหาอ่านเขียนไม่คล่องของเด็กนักเรียน
แต่ท่านผู้อ่านครับ ครูเดชได้เรียนท่านไปข้างต้นแล้วว่า ครอบครัวเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญ
พ่อแม่ ผู้ปกครอง
มีส่วนสำคัญครับที่ต้องแก้ไขปัญหาเด็กอ่านเขียนไทยไม่คล่องต้องร่วมมือกับโรงเรียนครับ
ในครั้งนี้ครูเดชมาเขียนเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเบื้องต้นก่อนว่า
ปัญหาการอ่านเขียนภาษาไทยนั้นเกิดขึ้นได้จากปัจจัยใด ในบทความหน้า ครูเดชจะมาเริ่มการแก้ไขปัญหาอ่านเขียนไทยครับ
แต่ท่านผู้อ่านต้องทราบว่าบทความที่ครูเดชเขียนในครั้งนี้
ครูเดชเองเขียนจากประสบการณ์การแก้ไขเด็กที่มีปัญหาอ่านเขียนไทยนะครับ
ครูเดชไม่ได้จบภาษาไทยมาโดยตรง ครูเดชจบประวัติศาสตร์ครับ
ดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดในด้านเนื้อหาทฤษฎี ครุเดชขอน้อมรับครับ
จุดประสงค์ของบทความครูเดชนี้ คือตั้งใจให้ท่านที่มีปัญหานี้ได้นำไปแก้ไขเด็กอ่านเขียนไทยไม่คล่องครับ
ครูเดช เขียน
ในวันที่เมื่อหลายปีก่อนเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจทั้งประเทศ สึนามิ ประเทศไทย
26/12/2558
เรียนสังคมต้องครูเดช #ครูเดชสังคม